1.ค่าจดทะเบียนบริษัท
ประมาณ 10,000 บาท
จ่ายครั้งเดียว เป็นค่าธรรมเนียมของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และค่าบริการของบริษัทรับจดทะเบียน
หากไปยื่นจดเองก็จะถูกหน่อย แต่ถ้าไม่สะดวก ก็ใช้มืออาชีพอย่างบริษัทที่เค้ารับจดทะเบียนได้
2.ค่าเช่าสำนักงาน
ประมาณ 10,000-20,000 บาท/เดือน
ซึ่งต้องจ่ายทุกเดือน ช่วงแรกอาจมีค่ามัดจำด้วย และได้คืนเมื่อแจ้งออกล่วงหน้าตามสัญญา
ราคาออฟฟิศก็ขึ้นอยู่กับขนาดและทำเลที่ตั้งด้วยเช่นกัน
หากบริษัททำธุรกิจออนไลน์ อาจไม่จำเป็นต้องเช่าสถานที่ อาจเปลี่ยนไปเช่าสำนักงานเสมือนแทน เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้ธุรกิจได้เช่นกัน ค่าเช่าก็จะถูกลงมาก ประมาณเดือนละ 2,500 บาท จะได้รับทั้ง ที่อยู่ธุรกิจสำหรับนำไปลงเพจหรือเว็บไซต์ มีเบอร์โทร02ให้แสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพ พร้อมเลขรับสายในนามบริษัทคุณโดยตรง
3.ค่าทำบัญชี
ประมาณเดือนละ 2,500 บาท ซึ่งถูกมาก โดยไม่จำเป็นต้องจ้างพนักงานบัญชีประจำบริษัท ซึ่งอาจต้องจ่ายเงินเดือนถึง 15,000 บาท
4.เงินเดือนพนักงาน
ซึ่งต้องจ่ายทุกๆเดือน ประมาณคนละ 9,000-15,000 บาท ขึ้นอยู่กับตำแหน่งหน้าที่ความรับผิดชอบ
หรืออาจมีค่าคอมมิชชั่นต่างหาก
หากตนเองเป็นเจ้าของกิจการและมีหน้าที่ทำงานในบริษัทด้วย ก็ควรจ่ายเงินเดือนให้กับตนเองด้วย
5.ภาษี
หลังจากจดทะเบียนเรียบร้อยแล้ว จำเป็นต้องยื่นภาษีให้ถูกต้อง เช่น ภาษีณ.ที่จ่าย และหากในปีนั้นบริษัทมียอดขายเกิน 1,800,000 บาทจำเป็นต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และเสียภาษีVat7%ด้วย
ซึ่งภาษีแวท บริษัทมีหน้าที่ในการเรียกเพิ่มกับลูกค้าเมื่อใช้บริการ โดยรวมไปในตัวสินค้าหรือบริการ
6.ค่าใช้จ่ายจิปาถะ
เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเน็ต เป็นต้น
7.ค่าทำการตลาดบริษัท
เมื่อมีธุรกิจแล้ว จำเป็นต้องโปรโมทโฆษณากิจการของตนเองให้เป็นที่รู้จัก เพื่อจะได้มียอดขายหรือรายได้เข้าสู่บริษัทนั่นเอง
อาจทำการตลาดผ่านออนไลน์ที่เป็นที่นิยม เช่น โฆษณาหน้าแรก Google หรือ โฆษณา Facebook เป็นต้น
6 คำศัพท์ที่ควรรู้
1.ทุนจดทะเบียน
หมายถึง ทุนตั้งต้นกิจการ ระบุในวันจดทะเบียนในเอกสาร เช่น ส่วนใหญ่ใช้ทุนจดทะเบียน 1,000,000 บาท
2.กรรมการบริษัท
คือ ผู้ถือหุ้นที่มีอำนาจในการลงชื่อในเอกสารต่างๆของบริษัท
3.ภาษีหักณ.ที่จ่าย
เช่น ภาษีเงินเดือนที่หักณ.ที่จ่ายพนักงาน3% เพื่อนำส่งกรรมสรรพากร เป็นต้น
4.ภาษีมูลค่าเพิ่ม
คือ ภาษีแวท7% ที่บริษัทเรียกเก็บจากลูกค้าตอนชำระค่าสินค้าหรือบริการ ซึ่งอาจจะรวมไว้แล้ว พอถึงกำหนดในแต่ละเดือนต้องนำมาคำนวณจ่าย ส่งกรมสรรพากร
5.หนังสือบริคณห์สนธิ
คือ เอกสารที่ระบุชื่อผู้ถือหุ้น จำนวนหุ้น และที่อยู่ของผู้ถือหุ้นแต่ละคน คล้ายๆทะเบียนบ้าน
6.หนังสือรับรอง
คือ เอกสารที่ใช้บ่อยที่สุดของบริษัท ซึ่งจะระบุชื่อกรรมการ วัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการ ซึ่งเวลาไปทำธุรกรรมของบิรษัทหรือติดต่อหน่วยงานราชการต่างๆ จำเป็นต้องใช้หนังสือรับรองทุกครั้ง ซึ่งบางที่ระบุมาว่า ต้องใช้หนังสือรับรองไม่เกิน 3 เดือน หรือ 6 เดือน เป็นต้น สามารถขอผ่านระบบออนไลน์หรือที่ธนาคารกรุงไทยก็ได้
อาจารย์ ดร.วรพล ภูธนกฤตกัมพล
บริษัท นัมเบอร์ 9 คอร์ปอเรชั่น จำกัด
รับตั้งชื่อมงคล,รับตั้งชื่อลูก,บริการตั้งชื่อมงคล,ตั้งชื่อเปลี่ยนนามสกุล,อาจารย์ตั้งชื่อ,จ้างตั้งชื่อ,ตั้งชื่อบริษัทมงคล,รับตั้งชื่อแบรนด์/ร้านค้า