โหราศาสตร์ไทย
โหราศาสตร์ เป็นวิชาที่ใช้ทายกาลล่วงหน้าหรือดูการล่วงหน้า ใช้สำหรับพยากรณ์ผลกรรมของมนุษย์โดยอาศัยดวงดาวเป็นเครื่องพยากรณ์
ผลกรรมของมนุษย์ตามหลักพุทธศาสนา ตามที่แสดงไว้ในกัมมวิภังคสูตร ได้แสดงผลกรรมไว้ ๑๔ ประการคือ บางคนอายุยืน บางคนอายุสั้น บางคนมีโรคน้อย บางคนมีโรคมาก บางคนมีผิวพรรณดีบางคนมีผิวพรรณทราม บางคนมีศักดามาก บางคนมีศักดาน้อย บางคนมีทรัพย์สมบัติมาก บางคนมีทรัพย์สมบัติน้อย บางคนมีตระกูลสูง บางคนมีตระกูลต่ำ บางคนมีปัญญามาก บางคนมีปัญญาน้อย
โหราศาสตร์จะเป็นเครื่องบอกผลกรรม ๑๔ ประการ และความเป็นไปของมนุษย์ในห้วงระยะเวลาที่มีชีวิตอยู่ได้เป็นอย่างดี แสดงเหตุและผลของดวงดาว ทำให้สามารถทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าของวิถีทางของมนุษย์ และเหตุการณ์ของโลกทั่ว ๆ ไป
วิชาโหราศาสตร์ เป็นวิชาที่เก่าแก่เชื่อว่าเกิดในทวีปเอเซียก่อนแล้วจึงแพร่หลายไปยังแหล่งอื่น ในคัมภีร์พระเวทของพราหมณ์ ซึ่งมีอายุก่อนพุทธศาสนาก็มีคำสดุดีดาวพระเคราะห์อยู่ด้วย สำหรับวิชาโหราศาสตร์ของไทยตามหลักฐานที่มีอยู่ แสดงว่าได้รับสืบทอดมาจากอินเดีย เมืองไทยเราตั้งอาณาจักรสุโขทัยก็ได้มีตำแหน่งพระมหาราชครู ซึ่งเป็นพราหมณาจารย์ และตั้งให้เป็นปุโรหิตประจำราชสำนักสืบต่อมาในสมัยอยุธยา สมัยธนบุรี และสมัยรัตนโกสินทร์ ก็ยังคงมีพราหมณาจารย์ดำรงตำแหน่งพระมหาราชครู
ในทางพระพุทธศาสนา สมเด็จพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าได้มีพุทธานุญาตให้ พระภิกษุสงฆ์เรียนรู้วิชาโหราศาสตร์ในเรื่องฤกษ์ยาม เพื่อจะได้รู้เวลาทำอุโบสถสังฆกรรม อันเป็นกิจในพระพุทธศาสนา จึงได้มีชื่อ วัน เดือน ปี และฤกษ์แสดงไว้ท้ายบอกวัตรพระเป็นประเพณีสืบต่อมา ที่มาของเรื่องนี้มีอยู่ว่า สมัยหนึ่ง พระภิกษุทั้งหลายไปบำเพ็ญสมณธรรมอยู่ในอรัญญิกเสนาสนะได้มีหมู่โจรมาถามว่า วันนี้พระจันทร์กอร์ปด้วยนักขัตฤกษ์อะไร พระภิกษุตอบว่าไม่รู้ พวกโจรจึงว่า ชนเหล่านี้มิใช่สมณะจึงไม่รู้นักขัตตบาท คงจะเป็นพวกโจรมาซุ่มซ่อนอยู่ ว่าแล้วโจรเหล่านั้นก็เข้าทำร้าย พระภิกษุเหล่านั้นแล้วหลีกไป เมื่อความเรื่องนี้ทราบถึงพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์จึงทรงมี พระพุทธฎีกาตรัสให้ประชุมพระภิกษุสงฆ์ แล้วจึงตรัสอนุญาต ให้ภิกษุที่ไปบำเพ็ญสมณธรรมในป่าพึงเรียนรู้นักขัตฤกษ์ สำหรับอรัญญิกวัตร เพื่อรักษาตนให้พ้นอันตรายจากโจร
วิชาหมอดู จัดว่าเป็นบันไดขั้นต้นของวิชาโหราศาสตร์ ทั้งสองวิชาต่างก็ใช้ดวงดาวนพเคราะห์เป็นเครื่องวินิจฉัย หลักวิชาที่หมอดูใช้ได้แก่ ตำราเลข ๗ ตัว โดยอาศัย วัน เดือน ปี และยามเวลาเกิด โดยเทียบเข้ากับหลักการของดาวเคราะห์เป็นมูลฐานในการทำนาย ส่วนวิชาโหราศาสตร์มีการกำหนดท้องฟ้าเป็นจักรราศี โดยแบ่งออกเป็น ๑๒ ราศี แบ่งออกเป็น ๒๗ นักษัตร ๓๖ ตรียางค์ และ ๑๐๘ นวางค์ นอกจากนั้นยังมีตำรามหาทักษาพยากรณ์ ซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญยิ่ง หลักตำราโหรโบราณแทบทุกคัมภีร์ มักจะนำเอาหลักเกณฑ์ในมหาทักษาพยากรณ์ ไประคนกับหลักเกณฑ์ในวิชาโหราศาสตร์ ในวิชาโหราศาสตร์แบ่งจักรราศีออกเป็น ๑๒ ราศี แล้วจัดดาวพระเคราะห์เข้าครองประจำทุกราศี ที่เรียกว่า เกษตร์ และจัดให้ธาตุทั้งสี่ คือ ไฟ ดิน ลม น้ำ เข้าครองประจำทุกราศี กำหนดให้ดาวพระเคราะห์เกษตร์ประจำราศี เข้าครองธาตุตามลักษณะธาตุที่ประจำราศีนั้น และทุกราศีก็กำหนดให้เป็นทิศต่าง ๆ ในวิชาหมอดู มีการแบ่งท้องฟ้าออกเป็น ภูมิอัฐจักรพยากรณ์ มีดาวพระเคราะห์ ธาตุและทิศเข้าครองเหมือนหลักเกณฑ์ในวิชาโหราศาสตร์
ตำนานการอุบัติของดาวพระเคราะห์
ตามคัมภีร์เฉลิมไตรภพได้กล่าวไว้ว่า เมื่อโลกถูกไฟบรรลัยกัลป์เผาผลาญ เหลือแต่ความว่างเปล่า บรรดาพระเวท พระธรรมศาสตร์ ได้รวมตัวกันเข้า เกิดเป็นพระอิศวร พระอิศวรจึงสร้างโลกใหม่ให้บังเกิดมี มนุษย์ สัตว์ และพืช ขั้นแรกสร้างพระอุมาภควดี พระนารายณ์ และพระพรหมธาตุขึ้นก่อน แล้วสำรอกเนื้องอกออกจากท้องเกิดเป็นแผ่นดิน ถอดจุฑามณีออกจากผม แล้วบันดาลให้เป็นเขาสุเมรุราช และบันดาลให้เกิดธาตุทั้งปวงขึ้นในโลก บังเกิดฝนตกลงมาห่าใหญ่ เมื่อฝนหายแล้ว ลมหอบเอาไอดินหอมขึ้นไปถึงพรหมโลก บรรดาพรหมหอมกลิ่นไอดินก็เกิดอยากเสพง้วนดิน จึงแปลงเพศเป็นนางพรหมรวมเจ็ดองค์ลงมากินง้วนดิน เมื่อกินง้วนดินไปแล้วก็มีเทพบุตร และเทพธิาจุติลงมาเกิดในครรภ์ของนางพรหมทั้งเจ็ด ต่อมาได้คลอดบุตรเป็นชายหนึ่งคนเป็นหญิงหกคน เป็นต้นวงศ์ของมนุษย์ในโลก
พระอิศวรมีดำริว่า เมื่อโลกมีมนุษย์ และสัตว์เกิดขึ้นแล้ว สมควรจัดให้มีแสงสว่างส่องโลก จึงได้ตั้งจักรราศีไว้ ๑๒ ราศี ประกอบด้วยดาวฤกษ์ ๒๗ ฤกษ์ มีวิมานนพเคราะห์ ๙ วิมาน เวียนรอบจักรราศีตามกำหนดเวลา กำหนดให้มีสัตว์ ๑๒ นักษัตรขึ้นเป็นนามมี คือ หนูเป็นนามปีชวด วัวเป็นนามปีฉลู เสือเป็นนามปีขาล กระต่ายเป็นนามปีเถาะ งูใหญ่เป็นนามปีมะโรง งูเล็กเป็นนามปีมะเส็ง ม้าเป็นนามปีมะเมีย แพะเป็นนามปีมะแม ลิงเป็นนามปีวอก ไก่เป็นนามปีระกา สุนัขเป็นนามปีจอ และหมูเป็นนามปีกุน
จากนั้นได้สร้างพระอาทิตย์ (๑) จากราชสีห์ ๖ ตัว พระอาทิตย์ จึงมีกำลัง ๖ ทรงราชสีห์เป็นพาหนะ
สร้างพระจันทร์ (๒) จากนางฟ้า ๑๕ พระจันทร์จึงมีกำลัง ๑๕ มีม้าเป็นพาหนะ
สร้างพระอังคาร (๓) จากกระบือ ๘ ตัว พระอังคารจึงมีกำลัง ๘ มีกระบือเป็นพาหนะ
สร้างพระพุธ (๔) จากช้าง ๑๗ ตัว พระพุธจึงมีกำลัง ๑๗ มีช้างเป็นพาหนะ
สร้างพระพฤหัสบดี (๕) จากฤาษี ๑๙ ตน พระพฤหัสบดีจึงมีกำลัง ๑๙ มีกวางทองเป็นพาหนะ
สร้างพระศุกร์ (๖) จากโค ๒๑ ตัว พระศุกร์จึงมีกำลัง ๒๑ มีโคเป็นพาหนะ
สร้างพระเสาร์ (๗) จากเสือ ๑๐ ตัว พระเสาร์จึงมีกำลัง ๑๐ มีเสือเป็นพาหนะ
สร้างพระราหู (๘) จากหัวผีโขมด ๑๒ หัว พระราหูจึงมีกำลัง ๑๒ มีครุฑเป็นพาหนะ
สร้างพระเกตุ (๙) จากพญานาค ๙ ตัว พระเกตุจึงมีกำลัง ๙ มีนาคเป็นพาหนะ
พระอิศวรจัดให้เทวดานพเคราะห์ทั้งเก้าโคจรรอบจักรราศี โดยมีเขาพระสุเมรุราชเป็นหลักของโลก เทวดาพระเคราะห์ทั้งเก้า ก็โคจรรอบเขาสุเมรุราช พระอิศวรปรารภว่า เขาพระสุเมรุราชประกอบด้วย เหลี่ยมใหญ่ประจำทิศทั้งแปด ยังไม่มีผู้ใดรักษา จึงได้มอบให้ พระอาทิตย์ (๑) รักษาทิศอีสาน พระจันทร์ (๒) รักษาทิศบูรพา พระอังคาร (๓) รักษาทิศอาคเณย์ พระพุทธ (๔) รักษาทิศทักษิณ พระเสาร์ (๗) รักษาทิศหรดี พระพฤหัสบดี (๕) รักษาทิศประจิม พระราหู (๘) รักษาทิศพายัพ พระศุกร์ (๖) รักษาทิศอุดร ส่วนพระเกตุ (๙) ให้ประจำอยู่ในทิศท่ามกลาง
การเข้าครองทิศของเทวดาอัฐเคราะห์ให้ตั้งต้นที่ทิศทักษิณก่อน แล้วนับตั้งแต่ทิศทักษิณเป็นต้นไปเท่ากับกำลังของตน โดยทางทักษิณาวัตร คือเวียนขวา จากทักษิณไปหรดี เช่นพระอาทิตย์มีกำลัง ๖ ก็นับเริ่มต้นที่ทิศทักษิณเวียนขวาไปตามลำดับ ถึงลำดับ ๖ ตกทิศอิสาน ดังนั้นพระอาทิตย์ (๑) จึงประจำอยู่ที่ทิศอิสาน ดาวพระเคราะห์อื่น ๆ ก็ทำนองเดียวกันจนครบแปดดวง ทำให้เกิดภูมิพยากรณ์ และตำรามหาทักษา สำหรับใช้พิจารณาชะตาชีวิตในวิชาโหราศาสตร์เบื้องต้น คือวิชาหมอดูนั่นเอง
การแบ่งจักรราศีตามแบบโหราศาสตร์
บนท้องฟ้าเป็นวิถีโคจรของบรรดาดาวพระเคราะห์ทั้งหลาย มีพระอาทิตย์ (๑) เป็นประธานในเวลากลางวัน และมีพระจันทร์ (๒) เป็นประธานเวลากลางคืน เมื่ออาทิตย์โคจรไปรอบจักรราศีจะโคจรผ่านกลุ่มดาวประจำราศีทั้ง ๑๒ ราศี อาทิตย์โคจรผ่านราศีต่าง ๆ ราศีละ ๑ เดือน ครบรอบจักรราศีเป็นเวลา ๑ ปี ระยะการโคจรของอาทิตย์ที่ผ่านไปตามจักรราศีเรียกว่า สุริยคติกาล จักรราศีหนึ่งมีมุม ๓๖๐ องศา แต่ละราศี มีมุม ๓๐ องศา
ราศีทั้ง ๑๒ ราศีมีชื่อเรียกตามกลุ่มดาวที่ประจำอยู่ ดังนี้
ราศี ๐ ชื่อราศีเมษ หมู่ดาวประจำราศีเป็นรูป เนื้อ
ราศี ๑ ชื่อราศีพฤกศภ หมู่ดาวประจำราศีเป็นรูป โค
ราศี ๒ ชื่อราศีเมถุน หมู่ดาวประจำราศีเป็นรูป คนคู่
ราศี ๓ ชื่อราศีกรกฎ หมู่ดาวประจำราศีเป็นรูป ปู
ราศี ๔ ชื่อราศีสิงห์ หมู่ดาวประจำราศีเป็นรูป ราชสีห์
ราศี ๕ ชื่อราศีกันย์ หมู่ดาวประจำราศีเป็นรูป นาง
ราศี ๖ ชื่อราศีตุลย์ หมู่ดาวประจำราศีเป็นรูป ตาชั่ง
ราศี ๗ ชื่อราศีพิจิก หมู่ดาวประจำราศีเป็นรูป แมลงป่อง
ราศี ๘ ชื่อราศีธนู หมู่ดาวประจำราศีเป็นรูป คนถือธนู
ราศี ๙ ชื่อราศีมังกร หมู่ดาวประจำราศีเป็นรูป งูใหญ่ หรือมังกร
ราศี ๑๐ ชื่อราศี กุมภ์ หมู่ดาวประจำราศีเป็นรูป คนถือหม้อ
ราศี ๑๑ ชื่อราศีมิน หมู่ดาวประจำราศีเป็นรูป ปลา
ใน ๑๒ ราศีจะมีดาวพระเคราะห์ครองอยู่ทั้งสิ้น ดาวพระเคราะห์ที่ครองอยู่ตามราศีทั้ง ๑๒ ราศีนี้เรียกว่า เกษตร มีดังนี้
อังคาร (๓) เป็นเกษตรประจำราศีเมษ และราศีพิจิก
ศุกร์ (๖) เป็นเกษตรประจำราศีพฤกศก และราศีตุลย์
พุธ (๔) เป็นเกษตรประจำราศีเมถุน และราศีกันย
จันทร์ (๒) เป็นเกษตรประจำราศีกรกฎ
อาทิตย์ (๑) เป็นเกษตรประจำราศีสิงห์
พฤหัสบดี (๕) เป็นเกษตรประจำราศีมีน
เสาร์ (๗) เป็นเกษตรประจำราศีกุมภ์
ตรียางค์ และนวางค์
ในหนึ่งราศีมีมุมกว้าง ๓๐ องศา แบ่งออกเป็นสามส่วน แต่ละส่วนมีมุม กว้าง ๑๐ องศา เรียกว่าตรียางค์ ทุกตรียางค์มีดาวพระเคราะห์ครองทำนองเดียวกับเกษตรในแต่ละราศี ตรียางค์ที่หนึ่งเรียกว่า ปฐมตรียางค์ ตรียางค์ที่สองเรียกว่าทุติยตรียางค์ ตรียางค์ที่สามเรียกว่าตติยตรียางค์ ในจักรราศีมี ๓๖ ตรียางค์ด้วยกัน
ในแต่ละตรียาค์ แบ่งออกเป็นสามนวางค์ แต่ละนวางค์มีมุม กว้าง ๓ องศา ๒๐ ลิบดา ดังนั้นในราศีหนึ่งจึงมีเก้านวางค์ แต่ละนวางค์มีดาวนพเคราะห์ครองเป็นเกษตร เช่นเดียวกับในตรียางค์ และในราศี
นักษัตร์ (ฤกษ์)
นักษัตร์เป็นดาวอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ดาวพระเคราะห์ ประชุมกันอยู่ตามนวางค์ทั้ง ๑๐๘ นวางค์รอบจักรราศีมีทั้งหมด ๒๗ กลุ่ม แต่ละกลุ่มจะอยู่ใน ๔ นวางค์ มีชื่อเรียกตามลำดับ จากอัสวินีฤกษ์จนถึงเรวดีฤกษ์ กลุ่มดาวฤกษ์ที่ ๑ คืออัสวินีนักษัตรนั้น เริ่มตั้งแต่จุดแรกของราศีเมษ ไปจนถึงกลุ่มดาวฤกษ์ที่ ๒๗ อันเป็นจุดสุดท้ายของ เรวดีนักษัตร์ในราศีมิน
กลุ่มดาวฤกษ์ที่ประชุมอยู่ในสี่นวางค์ นวางค์แรกเรียกว่า ปฐมบาท นวางค์ที่สองเรียกว่า ทุติยบาท นวางค์ที่สามเรียกว่า ตติยบาท และนวางค์ที่สี่เรียกว่า จัตตุถบาท
กลุ่มดาวที่พระจันทร์โคจรผ่านเรียกว่า ฤกษ์ พระจันทร์โคจรผ่านตลอด ๒๗ กลุ่มดาวฤกษ์ เป็นเวลา ๑ เดือน เรียกว่า จันทรคติกาล
ดาวพระเคราะห์ที่โคจรตามจักรราศีที่นำมาใช้ในวิชาโหราศาสตร์เดิมมีอยู่เพียงเจ็ดดวง คือ
ดาวเสาร์ (เสารี) ใช้แทนด้วย เลข ๗
ดาวพฤหัสบดี (ชีโว) ใช้แทนด้วย เลข ๕
ดาวอังคาร (ภุมมะ) ใช้แทนด้วยเลข ๓
ดาวอาทิตย์ (สุริชะ) ใช้แทนด้วยเลข ๑
ดาวศุกร์ (ศุกระ) ใช้แทนด้วยเลข ๖
ดาวพุธ (พุธา) ใช้แทนด้วยเลข ๔
ดาวจันทร์ (จันเทา) ใช้แทนด้วยเลข ๒
เป็นการเรียงลำดับ จากไกลมาใกล้ ส่วนราหูกับเกตุ ซึ่งใช้แทนด้วยเลข ๘ และเลข ๙ นั้น เป็นเพียงเงาของดาวพระเคราะห์อันเนื่องจากการโคจรของดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็นวงรีมีระนาบเอียงทำมุม ประมาณ ๕ องศา จึงเกิดจุดตัดของแนวโคจรดังกล่าว สองจุด จุดทางทิศเหนือของโลกเรียกว่า ราหู จุดทางทิศใต้เรียกว่าเกตุ ดังนั้นราหูกับเกตุ จะโคจรมีระยะห่างกันเป็นมุม ๑๘๐ องศาตลอดเวลาในลักษณะที่เล็งกัน
ดาวพระเคราะห์ครองธาตุตามหลักทักษา
ธาตุที่สำคัญมีอยู่สี่ประการด้วยกันคือ ธาตุไฟ ธาตุดิน ธาตุลม และธาตุน้ำ ธาตุไฟกับธาตุลมจัดไว้เป็นธาตุอกุศลธาตุ ธาตุดินกับธาตุน้ำเป็นกุศลธาตุ ธาตุทั้งสี่เข้าครองในภูมิพยากรณ์ทั้งแปดในลักษณะที่สลับกันระหว่างกุศลธาตุ และอกุศลธาตุ โดยเริ่มจากธาตุไฟคลองทิศอิสาน ธาตุดินครองทิศบูรพา ธาตุลมครองทิศอาคเณย์ ธาตุน้ำครองทิศทักษิณ เรียงสลับกันไปตามลักษณะทักษิณาวัตร
บรรดาดาวพระเคราะห์ที่ครองอยู่ตามภูมิพยากรณ์ทั้งแปด ก็จะครองธาตุที่ประจำอยู่ตามภูมิพยากรณ์นั้น ๆ คือ อาทิตย์ครองธาตุไฟ จันทร์ครองธาตุดิน อังคารครองธาตุลม พุธคลองธาตุน้ำ เสาร์ครองธาตุไฟ พฤหัสบดีครองธาตุดิน ราหูครองธาตุลม และศุกร์ครองธาตุน้ำ ดาวเคราะห์ที่ครองธาตุเดียวกันเรียกว่า ดาวคู่ธาตุ
สุริชะธาตุไฟกำหนดให้มีกำลังเท่ากับ ๑๒ อมฤตะ ธาตุน้ำ มีกำลัง ๑๖ ปาปะธาตุลมมีกำลัง ๒๒ โกลีธาตุดินมีกำลัง ๓๐ รวมกันแล้วมีกำลัง ๘๐ เรียกว่า อสีติธาตุ
อาทิตย์กับเสาร์คู่ธาตุไฟ เข้าครองในราศีเมษธาตุไฟ
พุธกับศุกร์คู่ธาตุน้ำ เข้าครองในราศี กรกฎ ธาตุน้ำ
อังคารกับราหู คู่ธาตุลม เข้าครองในราศีตุลย์ ธาตุลม
จันทร์ กับพฤหัสบดี คู่ธาตุดิน เข้าครองในราศีมังกร ธาตุดิน
ดาวพระเคราะห์ครองธาตุตามหลักโหราศาสตร์
ในหลักวิชาโหราศาสตร์ ได้แบ่งจักรราศีออกเป็น ๑๒ ราศี และจัดดาวพระเคราะห์เข้าครองเป็นเกษตรทั้ง ๑๒ ราศี และมีการจัดให้ธาตุทั้งสี่เข้าครองทั้ง ๑๒ ราศี โดยวิธีเดียวกันกับที่จัดวางในภูมิพยากรณ์ คือให้กุศลธาตุอยู่สลับกับอกุศลธาตุ เมื่อนับตามอุตราวรรต (เวียนซ้าย) จะเป็นดังนี้
ราศีเมษธาตุไฟ ราศีพฤศภ ธาตุดิน ราศีเมถุนธาตุลม ราศีกรกฎธาตุน้ำ ราศีสิงห์ธาตุไฟ ราศีกันย์ธาตุดิน ราศีตุลย์ธาตุลม ราศีพิจิกธาตุน้ำ ราศีธนูธาตุไฟ ราศีมังกรธาตุดิน ราศีกุมภ์ธาตุลม และราศีมีนธาตุน้ำ
ราศีที่มีอิทธิพลในภาคกลางวันได้แก่ ราศีสิงห์ กันย์ ตุลย์ พิจิก ธนู และราศีมังกร
ราศีที่มีอิทธิพลในภาคกลางคืนได้แก่ ราศี กุมภ์ มีน เมษ พฤษภ เมถุน และราศีกรกฎ
คู่มิตร คู่ศัตรู ตามตำนานชาติเวร
การแบ่งดาวพระเคราะห์เป็น คู่มิตร คู่ศัตรู ตามหลักวิชาหมอดู กำหนดตามตำนานชาติเวรของดาวพระเคราะห์ที่กล่าวไว้ในคัมภีร์เฉลิมไตรภพ มีดังนี้
ดาวที่เป็นคู่มิตรคือ อาทิตย์กับพฤหัสบดี จันทร์กับพุธ ศุกร์กับอังคาร และราหูกับเสาร์
ดาวที่เป็นคู่ศัตรูคือ อาทิตย์กับอังคาร พุธกับราหู ศุกร์กับเสาร์ และจันทร์กับพฤหัสบดี
คู่มิตร คู่ศัตรู ตามหลักโหราศาสตร์
ดวงมูลตรีโกณหรือมูลเกษตร เป็นตำแหน่งของดาวพระเคราะห์ที่ให้คุณ เพราะเป็นดาวในตำแหน่งเกษตรนั่นเอง ยกเว้นจันทร์ไปครองตำแหน่งอุจจ์ในราศีพฤกษภ ตำแหน่งมูลเกษตรเป็นที่เกิดของดาวพระเคราะห์คู่มิตรคู่ศัตรู ตามหลักโหราศาสตร์ ตามที่กล่าวไว้ในคัมภีร์ปาริชาติชาดก ซึ่งแสดงไว้ว่า
อาทิตย์ราศีสิงห์ จันทร์ราศีพฤกษภ อังคารราศีเมษ พุธราศีกันย์ พฤหัสบดีราศีธนู ศุกร์ราศีตุลย์ เสาร์ราศีกุมภ์ เรียกว่าได้ตำแหน่งมูลตรีโกณ หรือมูลเกษตร
การกำหนดดาวพระเคราะห์ที่เป็นคู่มิตรคู่ศัตรูกันนั้น กำหนดจากตำแหน่งที่เป็นมูลตรีโกณของดาวพระเคราะห์นั้น ๆ พิจารณาจากเจ้าเรือนเกษตรของภพที่สอง สี่ ห้า แปด เก้า และภพที่สิบสอง พร้อมทั้งดาวพระเคราะห์ที่เป็นเจ้าเกษตร ราศีอุจจ์ของดาวในตำแหน่งมูลตรีโกณ ดาวพระเคราะห์เกษตรในตำแหน่งดังกล่าวจะเป็นคู่มิตรกับดาวนั้น บอกจากนั้นแล้วเป็นศัตรูทั้งสิ้น สรุปได้ดังนี้
ดาวอาทิตย์ เป็นมิตรกับจันทร์ อังคารและพฤหัสบดี เป็นกลางกับพุธ เป็นศัตรูกับศุกร์ และเสาร์
ดวงจันทร์ เป็นมิตรกับอาทิตย์ และพุธ เป็นกลางกับอังคาร และพฤหัสบดี ศุกร์ และเสาร์ไม่เป็นศัตรูกับดาวอื่น
ดาวอังคาร เป็นมิตรกับอาทิตย์ จันทร์ และพฤหัสบดี เป็นกลางกับศุกร์และเสาร์ เป็นศัตรูกับพุธ
ดาวพุธ เป็นมิตรกับอาทิตย์ และศุกร์ เป็นกลางกับอังคาร พฤหัสบดี และเสาร์ เป็นศัตรูกับจันทร์
ดาวพฤหัสบดี เป็นมิตรกับอาทิตย์ จันทร์ และอังคาร เป็นกลางกับเสาร์ เป็นศัตรูกับพุธ และศุกร์
ดาวศุกร์ เป็นมิตรกับพุธและเสาร์ เป็นกลางกับอังคาร และพฤหัสบดี เป็นศัตรูกับอาทิตย์ และจันทร์
ดาวเสาร์ เป็นมิตรกับศุกร์ และพุธ เป็นกลางกับพฤหัสบดี เป็นศัตรูกับอาทิตย์ จันทร์ และอังคาร
การพิจารณาดาวเคราะห์จร
การพยากรณ์ความเป็นไปของชีวิตจากดวงชะตา ตามหลักวิชาโหราศาสตร์ ก็พยากรณ์จากดาวพระเคราะห์ที่โคจรใน ๑๒ ราศี ส่งกระแสสัมพันธ์มาถึงดาวพระเคราะห์ในดวงชาตาตลอดจนลัคนาของผู้นั้น มีหลักเกณฑ์ที่ใช้พิจารณาหลายนัยด้วยกันคือ
๑. ให้พิจารณาจากลัคนาเป็นประการแรก และสำคัญที่สุด ตรวจดูว่าราศีที่ลัคนาสถิตนั้นมีดาวพระเคราะห์ใดบ้างที่ให้คุณ และให้โทษ
๒. ให้พิจารณาดาวเจ้าเรือนลัคน์ว่าโคจรไปอยู่ในตำแหน่งใด เข้มแข็ง หรืออ่อนแอ นอกจากนั้นให้ดูดวงเจ้าเรือนที่จันทร์ในดวงชาตาสถิต ทำนองเดียวกับเจ้าเรือนลัคน์
๓. ในราศีใดที่มีดาวพระเคราะห์โคจรไปต้องกัน ให้พิจารณาดู ดาวที่เป็นเกษตรในราศีนั้นด้วย
๔. ดาวพระเคราะห์เดิมในดวงชะตา เมื่อถูกดาวพระเคราะห์จรมาต้องส่งผลให้ในทางให้โทษ ให้พิจารณาตำแหน่งของดาวพระเคราะห์เดิมในดวงชาตาที่ถูกเบียนนั้น ตรวจดูสภาพที่กำลังเป็นดาวพระเคราะห์จรในขณะนั้น
๕. นอกจากที่กล่าวมาแล้ว ถ้าหากในขณะนั้นเกิดมีจุดดับ หรือจุดคราสมาถูกต้องในดวงชาตาก็นับว่าเป็นผลร้าย จุดดับคือตำแหน่งของดาวพระเคราะห์ ยกเว้นราหู และเกตุ ซึ่งโคจรเข้าร่วมกับอาทิตย์ มีองศาใกล้เคียงกับดวงอาทิตย์ ประมาณ ๕ องศา ถ้าเป็นจุดดับของพระจันทร์มีชื่อเรียกว่า จุดอามาวสี จุดดับของจันทร์ถ้าไปต้องดาวพระเคราะห์ใดเข้า รวมทั้งลัคนาก็ถือว่าเป็นจุดเบียน และจุดที่อาทิตย์กับจันทร์มีองศาเท่ากัน ถือว่าดับสนิท ถ้าไปเท่ากับองศาของลัคนา หรือดาวพระเคราะห์ที่โคจรไปทับก็ถือว่าเป็นจุดเบียน หากดาวพระเคราะห์ที่ดับเป็นดาวเกษตรเจ้าเรือนลัคน์ หรือเจ้าเรือนจันทร์ก็จะทำให้ชาตาในจังหวะนั้นไม่สู้ดี ดาวพระเคราะห์ดวงใดที่โคจรเข้าไปสู่จุดดับ ถือว่าดาวพระเคราะห์ดวงนั้นหมดกำลังต้านทาน
จุดคราส เป็นจุดดับอีกประการหนึ่ง ซึ่งรุนแรงกว่าจุดดับธรรมดา และสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งจุดดับของจันทร์ และจุดเพ็ญของจันทร์ที่เรียกว่า ปุรณมี ถ้ามีราหูร่วมหรือเล็งในระยะองศาใกล้เคียง ภายในระยะองศาที่บังคับไว้ทำให้เกิดสุริยุปราคา ขึ้นเรียกว่า จุดคราส ถ้าจุดนี้ไปต้องลัคนา หรือดาวพระเคราะห์ดวงใดในชาตา จะเป็นด้วยการร่วมหรือเล็งก็ตามโดยมีองศาใกล้เคียงกันภายใน ๒๐๐ ลิบดา ดาวเกษตร์เจ้าเรือนลัคน์ ดาวเกษตรเจ้าเรือนจันทร์ ดาวเกษตร์เจ้าราศีที่อาทิตย์ในชาตากำเนิดสถิตอยู่ถือว่า เป็นชาตาเข้าฆาฏระยะหนึ่ง จะให้ผลร้ายเมื่ออังคารโคจรมาทับ หรือมาเล็ง จุดคราสอีกจุดหนึ่ง คือจุดที่อาทิตย์กับจันทร์โคจรมาเล็งกันเป็นมุม ๑๘๐ องศา ทำให้เกิดจุดเพ็ญขึ้น แต่มีราหูเข้ามามีองศาร่วม จะร่วมในราศีที่อาทิตย์สถิต หรือจันทร์สถิตก็ได้ ทำให้เกิดจันทรุปราคาขึ้น มีผลเช่นเดียวกับ สุริยุปราคา
จุดเพ็ญ ถือว่าเป็นจุดดีจุดหนึ่ง จันทร์เพ็ญโคจรไปร่วมกับดาวดวงใด จะทำให้ดาวดวงนั้นมีกำลังขึ้น ทั้งดาวพระเคราะห์เดิมในดวงชาตา และดาวพระเคราะห์ที่กำลังโคจรในวิถีจักร
๖. ดาวพระเคราะห์ที่จัดว่าให้คุณในดวงชาตา เมื่อโคจรมาต้องตัวเองเข้าก็ถือว่าให้ผลดี ตรงกันข้ามดาวพระเคราะห์ที่ให้โทษในดวงชาตา เมื่อโคจรมาต้องตัวเองก็จะให้ผลร้าย
๗. การพิจารณาผลจากดาวพระเคราะห์โคจรมาต้อง ให้ตรวจดูว่าดาวดวงนั้นตั้งอยู่ในภพใดจากดาวนั้น ก็จะให้คุณให้โทษตามสภาพของภพนั้น ๆ
ดาวพระเคราะห์ครองทิศตามหลักโหราศาสตร์
ตำแหน่งของดาวพระเคราะห์ที่ครองใน ๑๒ ราศีนี้ ก็คือตำแหน่งของดาวพระเคราะห์ที่สถิตในราศีอุจจ์ของตนนั่นเอง คือ อาทิตย์เป็นอุจจ์ในราศีเมษ ทิศบูรพา อังคารเป็นอุจจ์ในราศีมังกรทิศทักษิณ เสาร์เป็นอุจจ์ในราศีตุลย์ทิศประจิม พฤหัสบดีเป็นอุจจ์ในราศีกรกฏทิศอุดร สำหรับทิศเฉียงคือ ทิศอาคเณย์มีศุกร์เป็นอุจจ์อยู่ดวงเดียว จึงเป็นดาวครองทิศอาคเณย์ ทิศหรดีมีราหูเป็นอุจจ์อยู่ดวงเดียว จึงเป็นดาวครองทิศหรดี ทิศพายัพมีพุธเป็นอุจจ์อยู่ดวงเดียว จึงเป็นดาวครองทิศพายัพ ทิศอิสานมีจันทร์เป็นอุจจ์อยู่ดวงเดียวจึงเป็นดาวครองทิศอิสาณ แต่คัมภีร์โหราศาสตร์หลายฉบับได้แบ่งดาวพระเคราะห์เข้าครองทิศผิดไปจากที่กล่าวแล้วในทิศพายัพ อุดร และ อิสาณ กล่าวคือให้จันทร์ครองทิศพายัพ พุธครองทิศอุดร และพฤหัสบดีครองทิศอิสาณ
ตำรามหาทักษา
เมื่อพระอิศวรได้สร้างโลก สร้างดาวนพเคราะห์ และสร้างสรรพชีวิตมนุษย์สัตว์ขึ้นมาแล้ว ก็ได้สั่งให้เทวดานพเคราะห์มีหน้าที่ หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาเสวยอายุบุคคลตามระยะเวลาอันเท่ากับกำลังของพระเคราะห์นั้น ๆ ส่วนพระเกตุให้ประจำอยู่ตลอด
ผู้ใดเกิดวันใด เทวดาดาวพระเคราะห์ที่ตรงกับวันเกิดจะเสวยอายุก่อนเท่ากำลังของตน เป็นกำลังละ ๑ ปี เช่นพระอาทิตย์มีกำลัง ๖ ก็จะเสวยอายุ ๖ ปี จากนั้น เทวดาดาวพระเคราะห์ถัดไป ตามภูมิอัฐจักรพยากรณ์ก็จะเข้าเสวยอายุต่อไปตามกำลังของตน ตามลำดับไปจนครบ ๘ องค์ เป็นเวลา ๑๐๘ ปี เรียกว่า กำลังพระเคราะห์ ๑๐๘ ในขณะที่เทวดาดาวพระเคราะห์องค์หนึ่งองค์ใดเสวยอายุอยู่ จะมีเทวดาดาวพระเคราะห์องค์อื่นเข้ามาแทรก การคำนวณให้รู้ว่า เทวดาองค์ใดเสวยอายุตัวเองเท่าใด และองค์อื่นแทรกเป็นเวลาเท่าใด มีวิธีคำนวณ ดังนี้
ให้ตั้งกำลังพระเคราะห์ที่เสวยอายุลง เสวยอายุตัวเองเท่าใดเอากำลังเป็นตัวคูณแล้วเอา ๑๐๘ เป็นตัวหาร ผลลัพธ์ที่ได้เป็นปี ถ้ามีเศษของปีเอา ๑๒ คูณ แล้วเอา ๑๐๘ หาร ผลลัพธ์ที่ได้เป็นเดือนถ้ามีเศษเดือนเอา ๓๐ คูณ แล้วเอา ๑๐๘ หาร ผลลัพธ์ที่ได้เป็นวัน ถ้ามีเศษวันให้เอา ๖๐ มหานาฑีคูณ แล้วเอา ๑๐๘ หาร ผลลัพธ์เป็นมหานาฑี ถ้าจะทำให้เป็นชั่วโมงให้เอา ๒๔ คูณ แล้วเอา ๖๐ หาร ผลลัพธ์เป็นชั่วโมง ก็จะรู้ว่าเสวยอายุตัวเองเป็นเวลาเท่าใด
ถ้าต้องการรู้ระยะเวลาพระเคราะห์องค์ที่แทรก ให้เอากำลังพระเคราะห์องค์ที่แทรก คูณกำลังพระเคราะห์ที่เสวยอายุแล้วเอา ๑๐๘ หาร กระทำไปตามลำดับดังที่กล่าวมาแล้ว ก็จะทราบว่าพระเคราะห์ที่แทรกนั้นเป็นระยะเวลาเท่าใด
ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ พระอาทิตย์เสวยอายุครบ ๖ ปี พระจันทร์เสวยอายุต่อตั้งแต่อายุ ๗ ปี ถึง อายุ ๒๑ ปี แล้วพระอังคารเสวยอายุตั้งแต่ อายุ ๒๒ ปี ถึงอายุ ๒๙ ปี พระพุธเสวยอายุตั้งแต่อายุ ๓๐ ปี ถึงอายุ ๔๖ ปี แล้วพระเสาร์เสวยอายุตั้งแต่อายุ ๔๗ - ๕๖ ปี พระพฤหัสบดีเสวยอายุตั้งแต่ อายุ ๕๗ - ๗๕ ปี พระราหูเสวยอายุตั้งแต่อายุ ๗๖ - ๘๗ ปี จากนั้นพระศุกร์เสวยอายุตั้งแต่อายุ ๘๘ - ๑๐๘ ปี
ผู้ที่เกิดวันจันทร์ พระจันทร์เสวยอายุถึง อายุ ๑๕ ปี พระอังคารเสวยอายุตั้งแต่อายุ ๑๖ - ๒๓ ปี พระพุธเสวยอายุตั้งแต่อายุ ๒๔ - ๔๐ ปี พระเสาร์เสวยอายุตั้งแต่อายุ ๔๑ - ๕๐ ปี พระพฤหัสบดีเสวยอายุตั้งแต่อายุ ๕๑ - ๖๙ ปี พระราหูเสวยอายุตั้งแต่อายุ ๗๐ - ๘๑ ปี พระศุกร์เสวยอายุตั้งแต่อายุ ๘๒ - ๑๐๒ ปี และพระอาทิตย์เสวยอายุตั้งแต่อายุ ๑๐๓ - ๑๐๘ ปี
สำหรับผู้ที่เกิดวันอังคาร วันพุธ วันเสาร์ วันพฤหัสบดี และวันศุกร์ ก็ทำในทำนองเดียวกันไปตามลำดับตั้งแต่เกิดจนอายุ ๑๐๘ ปี
ในระหว่างที่เทวดาพระเคราะห์เข้ามาเสวยอายุอยู่แต่ละองค์ ก็จะมีเทวดาพระเคราะห์องค์อื่นจรเข้ามาแทรก ตามตารางที่แสดงไว้ตามลำดับการเสวยอายุของพระอาทิตย์ พระจันทร์ พระอังคาร พระพุธ พระเสาร์ พระพฤหัสบดี พระราหู และพระศุกร์
|
คำทำนายตามปีเกิด
คนเกิดปีชวด - หนู ปีชวดเป็นเทวดาผู้ชาย ธาตุน้ำ มิ่งขวัญตกอยู่ที่ต้นมะพร้าว และต้นกล้วย
ผู้ใดเกิดปีชวด ชันษาตกอยู่ที่หัวพรหม พฤหัสบดีเป็นปาก เจรจาโอหัง พูดจาเด็ดขาด เจรจากับขุนนางท้าวพระยาดี จะไปทิศใดมีผู้กลัวเกรงคอยต้อนรับ พระจันทร์กับพระพุธเป็นมือ ทำงานละเอียดมิได้ เป็นคนมีมานะอุตสาหะดี พระอาทิตย์เป็นใจ ใจไม่แน่นอนเรรวนคบกับคนดีได้ คบกับคนชั่วก็เป็นคนชั่วได้ พอใจเล่าเรียนวิชาความรู้ต่าง ๆ มีวิชาความรู้พอประมาณพอเลี้ยงตัวได้ พระพฤหัสบดีกับพระเสาร์เป็นเท้า มักเป็นคนชอบเดิน ไม่อยู่กับที่มักไปต่างแดน พระศุกร์เป็นที่นั่งเป็นคนหมกมุ่น คิดแต่ในเรื่องตัณหาเป็นคนราคะแรง ถ้าเป็นชายท่านว่ามีบาปติดตัวมาแต่กำเนิด เมื่อน้อยอาภัพ พึ่งญาติผู้ใดมิได้ ต่อภายหน้าจะมีบุญวาสนา จะได้เป็นใหญ่กว่าเพื่อนฝูงทั้งปวง อาสาขุนนางท้าวพระยาจะได้ความชอบ ถ้าเป็นหญิงมักเกิดเป็นโรคาพยาธิต่าง ๆ อาภัพผัวใจแข็ง ปากกล้า
ได้เมื่อพระเตมีย์ใบ้ พระราชบิดาสั่งให้นายสารถีจับใส่รถเอาไปฝังเสียทั้งเป็นในป่า ให้เกรงจะเจ็บป่วยนานจึงจะหาย
คนเกิดปีชวด เดือนห้า เดือนหก เดือนเจ็ด ตกหนูท้องขาว ธาตุน้ำทะเล เป็นหนูคาบแก้ว มีปัญญา ในอ่อน ทำราชการจะได้เป็นใหญ่ มี ช้าง ม้า ข้าไทย ทำเรือกสวนไร่นา ค้าขาย จะมีทรัพย์มาก เป็นพระสงฆ์จะได้เป็นเจ้าวัด ชอบไปอยู่เมืองอื่นดี จะได้เป็นใหญ่กว่าคนทั้งหลาย
คนเกิดปีชวด เดือนแปด เดือนเก้า เดือนสิบ ตกหนูหริ่ง ธาตุน้ำคลอง มักตกยากเข็ญใจ พูดจาไม่ยั่งยืน ใจบุญ ทำราชการไม่สู้ดี ทำเรือกสวนไร่นา พอมีอันจะกินเทียบท่าน
คนเกิดปีชวด เดือนสิบเอ็ด เดือนสิบสอง เดือนอ้าย ตกหนูผี ธาตุน้ำป่า มักเข็ญใจ ใจบาป ทำราชการชอบใจเจ้านายดี ทำไร่นาค้าขาย จะมีอันจะกินเทียมท่าน
คนเกิดปีชวด เดือนยี่ เดือนสาม เดือนสี่ ตกหนูพุก ธาตุน้ำคนตัก ทำราชการพอเทียมเพื่อน ทำเรือกสวนไร่นาค้าขายดี มีลูกมาก ใจบุญ ชอบไปอยู่ต่างประเทศ จึงจะได้ดี
คนเกิดปีชวด วันอาทิตย์ ได้เพื่อพระยาสัตลุง จะถูกนำตัวไปฆ่า ไม่ดี ย่อมมีพิษ แต่รูปงาม
คนเกิดปีชวด วันจันทร์ จะมีความสุข มีลูกมาก ดีนัก
คนเกิดปีชวด วันพฤหัสบดี ได้เมื่อเทวดาชุบ พระยาสัตลุง ให้เป็นขึ้นมา ดีนัก
คนเกิดปีชวด วันศุกร์ ได้เมื่อเทวดาแต่งโภชนาหารมาเลี้ยงพระยาสัตลุง ดีนัก
คนเกิดปีชวด วันเสาร์ ได้เมื่อพระยาสัตลุงกลับคืนมาครองราชสมบัติ ดีนักแล
คนเกิดปีฉลู - วัว เป็นมนุษย์ผู้ชาย ธาตุดิน มิ่งขวัญตกอยู่ที่ต้นตาล
ผู้ใดเกิดปีฉลู ชันษาตกอยู่ที่ปากพรหม พระเสาร์เป็นปาก เจรจาโอหัง รู้หลักนักปราชญ์ มักชอบเจรจาเรื่องราวต่าง ๆ ของคนอื่น เล่าเรียนวิชาต่าง ๆ ดี เจรจาหลักแหลม พระอังคารกับพระพฤหัสบดีเป็นมือ ทำการงานมิสู้จะดี พระอาทิตย์เป็นใจ เป็นคนฉลาด เข้าใจเรื่องราวต่าง ๆ ได้ง่าย และเข้าใจในทางถ้อยความ พอใจคบหาสมณะ และเจ้านาย ไปไหนมักไปด้วยยวดยานพาหนะ พระเสาร์เป็นที่นั่งเป็นคนมีตัณหาแรง ถ้าเป็นชายมักจะมีเมียมาก ถ้าเป็นหญิงมักมีตำหนิในที่ลับ ถ้าเป็นชายมักเจรจาชอบในหญิง เป็นคนใจอ่อน ใจบุญ ถ้าเป็นหญิงมักหย่าผัว
ได้เมื่อพระมหาชนกลามารดาไปค้าขาย สำเภาแตก ว่ายน้ำอยู่เจ็ดวัน นางมณีเมขลาจึงอุ้มพาเหาะไปยังอุทยานหลวง ไปค้าขายต่างเมืองจะได้ลาภทรัพย์สินเงินทอง ผ้าผ่อนอันพึงใจ
คนเกิดปีฉลู เดือนห้า เดือนหก เดือนเจ็ด ตกวัวป่า ใช้ยาก ธาตุดินสุก ทำราชการจะได้เป็นมนตรี มีพี่น้องเผ่าพันธุ์มาก ใจแข็ง จะมีทรัพย์สินเงินทองมาก เมื่อน้อยดี ทำเรือกสวนไร่นาค้าขายแต่พอประมาณ
คนเกิดปีฉลู เดือนแปด เดือนเก้า เดือนสิบ ตกวัวคนอาศัย ธาตุดินตม ใจแข็ง เมื่อน้อยดี ครั้นใหญ่มาเจรจาใช้มิได้ รู้ทำกินดี มีปัญญา ทำไร่นา ค้าขายดี ทำราชการดีมีทรัพย์มาก
คนเกิดปีฉลู เดือนสิบเอ็ด เดือนสิบสอง เดือนอ้าย ตกวัวเปลี้ย หากินยาก ธาตุดินจอมเขา ทำราชการพอคุ้มตัว ทำสวนไร่นา พอมีกินเทียมเพื่อน มีปัญญา ใจกุศล
คนเกิดปีฉลู เดือนสอง เดือนสาม เดือนสี่ ตกวัวอุสุภราช ธาตุดินสุกอุดม ทำราชการจะได้เป็นใหญ่ มีบริวารมาก ทำเรือกสวนไร่นาจะมีทรัพย์มาก ถ้าค้าขายดี จะมีทรัพย์มาก
คนเกิดปีฉลู วันอาทิตย์ วัวขวัญร้าย อาภัพ เบียดเบียนทรัพย์ท่านมิดี
คนเกิดปีฉลู วันจันทร์ วัวพระโพธิสัตว์ มีบริวารมาก ดีนัก
คนเกิดปีฉลู วันอังคาร วัวสาธารณ์ อาภัพ มิดี
คนเกิดปีฉลู วันพุธ วัวขาหักและตาบอด หาเลี้ยงตัวยาก มิดี
คนเกิดปีฉลู วันพฤหัสบดี วัวขวัญดี มีทรัพย์มาก ดีนัก
คนเกิดปีฉลู วันศุกร์ วัวพ่อแม่ตายต้องทำงานเหนื่อย มิดี
คนเกิดปีฉลู วันเสาร์ วัวโจรฆ่ากิน จะต้องลำบากมาก มิดี
คนเกิดปีขาล - เสือ เป็นผีเสื้อผู้หญิง ธาตุไม้ มิ่งขวัญตกอยู่ที่ต้นขนุนลำมะลอ และต้นรัง
ผู้ใดเกิดปีขาล ชันษาตกที่บ่าพรหม พระอังคารเป็นปาก เจรจากระด้าง มักพูดโอหัง ชอบเจรจาแต่เรื่องหญิง และมักเจรจาตลกคะนอง เป็นคนทำตัวไม่เป็นทุกข์อยู่เสมอ พระพุธกับพระศุกร์เป็นมือ เป็นคนชอบการช่างต่าง ๆ พระพฤหัสบดีเป็นใจ ตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรม มักชอบเรียนวิชาความรู้ต่าง ๆ พระเสาร์กับพระจันทร์เป็นเท้ามักเป็นคนต้องเดิน ถ้าทำราชการมักจะถูกย้ายเนือง ๆ ถ้าค้าขายติดต่อการค้าขายกับต่างแดน หรือต่างเมืองจึงจะดี พระอาทิตย์เป็นที่นั่งมักมีตำหนิในที่ลับ เป็นคนชอบกามารมณ์ ถ้าเป็นหญิงมักมีสองผัว
ได้เมื่อพระสุวรรณสามอยู่ป่า ตักน้ำขึ้นตั้งบนหลังกวางเอามาเลี้ยงบิดามารดาซึ่งตามืด อยู่ในบรรณศาลากลางป่า ท่านว่าจะได้ลาภข้าวของเงินทอง แต่ญาติพี่น้องของตน ดีนัก
คนเกิดปีฉลู เดือนห้า เดือนหก เดือนเจ็ด ตกเสือดาว ธาตุไม้แห้ง ทำราชการจะได้เป็นมนตรี จะตกยากครั้งหนึ่ง ทำเรือกสวนไร่นาค้าขายดี เจรจาซื่อสัตย์ ดีนัก
คนเกิดปีขาล เดือนแปด เดือนเก้า เดือนสิบ ตกเสือเหลือง ธาตุไม้หอมมีแก่น ทำราชการมิสู้ดี ทำเรือกสวนไร่นาดี จะมีลูกมีบุญ จะได้พึ่งพาอาศัย จะมีวาสนาเมื่อแก่
คนเกิดปีขาล เดือนสิบเอ็ด เดือนสิบสอง เดือนอ้าย ตกเสือปลา ธาตุไม้หอมมีแก่น ทำราชการจะได้กินบ้านกินเมือง ทำเรือกสวนไร่นามาค้าขาย จะได้เป็นเศรษฐี เจรจาซื่อสัตย์ ดีนัก
คนเกิดปีขาล เดือนยี่ เดือนสาม เดือนสี่ ตกเสือโคร่ง ธาตุไม้จอมเขา ทำราชการอาสาขุนนางดี มีปัญญา ทำเรือกสวนไร่นาดี จะมีกินเทียมเพื่อน
คนเกิดปีขาล วันอาทิตย์ เสืออยู่ถ้ำ อดอาหาร หากินกันดาร มิดี
คนเกิดปีขาล วันจันทร์ เสือติดจั่น จะได้รับทุกข์มาก จะต้องลำบาก มิดี
คนเกิดปีขาล วันอังคาร เสือกินคน มักมีโทสะมาก ใจดุร้าย มิดี
คนเกิดปีขาล วันพุธ เสือจำศีล ใจบุญ ดีนัก
คนเกิดปีขาล วันพฤหัสบดี เสือฤษีชุบ มีบุญ ภายหลังจะได้เป็นใหญ่
คนเกิดปีขาล วันศุกร์ เสือตกเหว อาภัพมิดี จะต้องลำบาก
คนเกิดปีขาล วันเสาร์ เสือเทพารักษ์ ดีนัก
คนเกิดปีเถาะ - กระต่าย เป็นมนุษย์ผู้หญิง ธาตุไม้ มิ่งขวัญตกอยู่ที่ต้นมะพร้าวมาลิเก และต้นงิ้ว
ผู้ใดเกิดปีเถาะ ชันษาตกอยู่ที่บ่าพรหม พระพุธเป็นปาก ปากนั้นอาภัพ เจรจาไม่สู้ไพเราะพูดจาเอาใจคนไม่เป็น พระพฤหัสบดีกับพระเสาร์เป็นมือ ทำการงานดี ฝีมือเรียบร้อยดีมาก พระศุกร์เป็นใจ กล้าหาญ ชอบอาสาขุนนางเจ้านาย แต่ตัวอาภัพ แต่ว่ามีคนรักมาก หากินพอเลี้ยงตัวได้ พระอาทิตย์กับพระจันทร์เป็นเท้า มักต้องเดินทางไกลอยู่เสมอ พระจันทร์เป็นที่พึ่ง เป็นคนกามราคะน้อย ไม่สู้สนใจในเรื่องหญิง และในการชู้สาว ถ้าเป็นหญิงมักมีสามผัว
ได้เมื่อพระเนมิราชไปเยือนเมืองสวรรค์-เมืองนรก ถ้าไปจากที่เกิดจะได้ดี จะมีทรัพย์สินเงินทองมาก ถ้าคบคนต่ำศักดิ์จะเสียเงินทอง
คนเกิดปีเถาะ เดือนห้า เดือนหก เดือนเจ็ด ตกกระต่ายหม้อ ธาตุไม้แห้ง ถ้าทาษจะได้เป็นไท ทำราชการจะได้เป็นขุนนาง ทำสวนไร่นาค้าขายดี ถ้าหญิงจะได้เป็นคุณท้าวคุณจอม
คนเกิดปีเถาะ เดือนแปด เดือนเก้า เดือนสิบ ตกกระต่ายแสนหก ธาตุไม้แก่น ทำราชการจะได้ชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือ เป็นที่ชอบใจท้าวพระยา ทำเรือกสวนไร่นาค้าขาย มิสู้ดี ต่อไปภายหน้า จะมีทรัพย์สินเงินทอง เทียมท่าน
คนเกิดปีเถาะ เดือนสิบเอ็ด เดือนสิบสอง เดือนอ้าย ตกกระต่ายเปลี้ย ธาตุไม้หอม มักจะตกระกำลำบาก เข็ญใจ ทำราชการอาภัพ ทำเรือกสวนไร่นาแต่พอกิน มักบาดเจ็บที่ข้อมือข้อเท้า จะมีบุญเมื่อแก่
คนเกิดปีเถาะ เดือนยี่ เดือนสาม เดือนสี่ ตกกระต่ายในดวงจันทร์ ธาตุไม้จอมเขา ดีนัก ทำราชการจะได้เป็นขุนนาง ท้าวพระยาผู้ใหญ่ ทำสวนไร่นาค้าขายดีนัก ถ้าเป็นหญิงจะได้เป็นเจ้าจอมหม่อมห้าม จะได้เป็นนางบ้านนางเมือง
คนเกิดปีเถาะ วันอาทิตย์ กระต่ายสาธารณ์ ไฟไหม้ จะต้องตกระกำลำบาก มิดี
คนเกิดปีเถาะ วันจันทร์ กระต่ายเทวดาเลี้ยง ดีนัก
คนเกิดปีเถาะ วันอังคาร กระต่ายสาธารณ์ อาภัพ มิดี
คนเกิดปีเถาะ วันพุธ กระต่ายขาหัก ลำบาก
คนเกิดปีเถาะ วันพฤหัสบดี กระต่ายสันดร แล่นไปก่อนลูก เป็นคนใจร้อนและใจเร็ว
คนเกิดปีเถาะ วันศุกร์ กระต่ายพระยา มีบริวารมาก จะได้เป็นใหญ่ ดีนัก
คนเกิดปีเถาะ วันเสาร์ กระต่ายมีบริวารมาก อุดมดีนัก
คนเกิดปีมะโรง - งูใหญ่ เป็นเทวดาผู้ชาย ธาตุทอง มิ่งขวัญตกอยู่ต้นงิ้ว และกอไผ่
ผู้ใดเกิดปีมะโรง ชันษาตกอยู่ที่อกพรหม พระพฤหัสบดีเป็นปาก เจรจาเฉียบแหลมรู้หลักนักปราชญ์ เจรจาได้ถ้อยความ พระศุกร์กับพระอาทิตย์เป็นมือ ทำการงานมักหยาบ เป็นคนไม่มีฝีมือ ทำงานละเอียดมิได้ พระเสาร์เป็นใจ มักมีโทสะมาก โกรธง่ายหายเร็ว แต่ใจบุญ พระจันทร์กับพระพุธเป็นเท้า มักเป็นคนชอบเดิน พระอังคารเป็นที่นั่ง มีตัณหาแรง มักมีตำหนิในที่ลับ มีบุตรจะได้พึ่ง บุตรเป็นคนจะมีวาสนา มีญาติมาก และมีเงินทอง ข้าทาสชายหญิง เจรจาชอบใจสมณชีพราหมณ์ และขุนนางผู้ใหญ่ ถ้าเป็นหญิงมักกำพร้า มีผัวสามคน
ได้เมื่อพระมโหสถ แก้ปริศนาให้เทวดาฟัง จะมีทรัพย์สินเงินทองมาก ชอบใจหญิงทั้งหลาย ดีนัก จะได้เป็นใหญ่ ทำเรือกสวนไร่นาค้าขาย พอประมาณ ทำราชการมีบ่าวไพร่ บริวารติดตามมาก
คนเกิดปีมะโรงเดือนห้า เดือนหก เดือนเจ็ด วูนาคราช ธาตุทองอุดม หาศัตรูมิได้ ทำราชการดีนัก จะได้เป็นใหญ่ ทำเรือกสวนไร่นาค้าขายพอประมาณ ทำราชการมีบ่าวไพร่บริวารติดตามมาก
คนเกิดปีมะโรง เดือนแปด เดือนเก้า เดือนสิบ งูพญางูเหลือม ธาตุทองราคี ทำราชการอาสาขุนนางท้าวพระยามหากษัตริย์ดี ทำเรือกสวนไร่นาค้าขาย พอประมาณ เมื่อหนุ่มมักเข็ญใจ ต่อภายแก่จึงจะได้ดี
คนเกิดปีมะโรง เดือนสิบเอ็ด เดือนสิบสอง เดือนอ้าย พญางูมีพิษ ธาตุทองยังชั่ว ทำราชการอาสาขุนนางท้าวพระยาพอคุ้มตัวได้ ใจดี ใจบุญ ใจใหญ่ เอ็นดูคนเข็ญใจ ทำสวนไร่นาค้าขายแต่พอมีกินเทียมเพื่อน ชอบเป็นพระสงฆ์ เป็นที่ชอบใจขุนนาง
คนเกิดปีมะโรง เดือนยี่ เดือนสาม เดือนสี่ งูพญางูดิน หาพิษมิได้ ธาตุทองเนื้อดี ทำราชการอาสาขุนนางท้าวพระยาดี จะได้เป็นนายคน มีปัญญา ทำเรือกสวนไร่นาค้าขาย พอมีกินเทียมเพื่อน
คนปีมะโรง วันอาทิตย์ งูพญานาค มีบริวารมาก ดี
คนปีมะโรง วันจันทร์ งูสาธารณ์ อาภัพ มิดี
คนปีมะโรง วันอังคาร งูมีพิษ ดุร้าย มิดี
คนปีมะโรง วันพุธ งูตกเหว จะต้องลำบาก มิดี
คนปีมะโรง วันพฤหัสบดี งูสาตราคม คนเอาไปเล่น มิดี
คนปีมะโรง วันศุกร์ งูคนตีหลังหัก อาภัพ มิดี
คนปีมะโรง วันเสาร์ งูเทพารักษ์ ดีนัก
คนเกิดปีมะเส็ง - งูเล็ก เป็นมนุษย์ผู้ชาย ธาตุไฟ มิ่งขวัญตกอยู่ที่กอไผ่ และต้นรัง
ผู้ใดเกิดมีมะเส็ง ชันษาตกที่ท้องพรหม พระอังคารเป็นปาก เจรจามักเป็นเชิงชู้สาว เป็นที่ชอบใจแก่คนทั้งหลาย พระเสาร์กับพระจันทร์เป็นมือ ทำการงานมักเสร็จเร็ว พระอาทิตย์เป็นใจมักรวนเรไม่แน่นอน พระอังคารกับพระพฤหัสบดีเป็นเท้า มักเดินทางไกลอยู่เสมอ พระพุธเป็นที่นั่ง มีกามารมณ์พอประมาณ ไม่ใคร่ชอบพึ่งใคร ปากอ่อน
ได้เมื่อพระโพธิสัตว์ ลาพระราชบิดาขึ้นมาแต่เมืองนาคพิภพ มาจำศีลภาวนาอยู่บนจอมปลวก อาลัมพายน์พาเอาตัวไป ถ้าจะหาทรัพย์ให้บอกกล่าวกับต้นไม้ที่เป็นมิ่งขวัญเสียก่อน จึงจะหาทรัพย์ได้ และจะอยู่เย็นเป็นสุข จะได้ลาภผ้าผ่อนเงินทองนานาประการ
คนเกิดปีมะเส็ง เดือนห้า เดือนหก เดือนเจ็ด ตกงูเห่าตาลาน ธาตุไฟฟ้า ทำราชการดีพอประมาณ พอเลี้ยงตัวได้ ใจบุญ ทำเรือกสวนไร่นาค้าขาย พอทำพอกิน ถ้าเป็นหญิงมักนอกใจผัว ใจร้าย โกรธร้าย
คนเกิดปีมะเส็ง เดือนแปด เดือนเก้า เดือนสิบ ตกงูกระด้าง ธาตุไฟคนสุม ทำราชการ ชอบทำเรือกสวนไร่นา ค้าขายดี จะมีเงินทองมาก ใจแข็งใจบุญ มีปัญญาดีนัก
คนเกิดปีมะเส็ง เดือนสิบเอ็ด เดือนสิบสอง เดือนอ้าย ตกงูเกิดในผ้าขี้ริ้ว ธาตุไฟในหิน ใจดี ใจบุญ ใจเติบ มักเอ็นดูคนเข็ญใจ มีปัญญา ทำราชการอาสาขุนนางท้าวพระยาจะได้ลาภ ทำเรือกสวนไร่นา แต่พอทำพอกิน
คนเกิดปีมะเส็ง เดือนยี่ เดือนสาม เดือนสี่ ตกพญางูเหลือม ธาตุไฟในแก้ว ทำราชการได้ที่ขุนนางท้าวพระยา จะได้กินเมือง ทำเรือกสวนไร่นาค้าขาย ดีนัก
คนเกิดปีมะเส็ง วันอาทิตย์ งูหนีไฟลงน้ำ มักจะต้องลำบาก อาภัพ มิดี
คนเกิดปีมะเส็ง วันจันทร์ งูอยู่รู จะมีความสุข ดีนัก
คนเกิดปีมะเส็ง วันอังคาร งูออกหากิน อาภัพ จะตกยาก มิดี
คนเกิดปีมะเส็ง วันพุธ งูสาธารณ์ หาเลี้ยงตัวยาก มิดี
คนเกิดปีมะเส็ง วันพฤหัสบดี งูเทพารักษ์ อยู่เฝ้าทอง จะได้เป็นใหญ่ จะมีทรัพย์ ดี
คนเกิดปีมะเส็ง วันศุกร์ งูเฝ้าทรัพย์ จะมีทรัพย์มาก ดีนัก
คนเกิดปีมะเส็ง วันเสาร์ งูเล่นชู้ ถ้าเป็นชาย มักจะมีเมียมาก ถ้าเป็นหญิง มักจะมีผัวมาก ใจนักเลง
คนเกิดปีมะเมีย - ม้า เป็นเทวดาผู้หญิง ธาตุไฟ มิ่งขวัญตกอยู่ที่ต้นตะเคียน และต้นกล้วย
ผู้ใดเกิดปีมะเมีย ชันษาตกอยู่ที่มือพรหม พระเสาร์เป็นปาก เจรจาโอหัง มักจะถือดี พระอาทิตย์กับพระอังคารเป็นมือ ทำการงานมิสู้ดี พระจันทร์เป็นใจ ใฝ่สูง มักคิดทำการงานใหญ่โต ซึ่งบางครั้งก็ทำไม่ได้ พระพุธกับพระศุกร์เป็นเท้า เป็นคนมิสู้จะต้องเดินทางไกล พระพฤหัสบดีเป็นที่นั่ง ไม่สู้สนในเรื่องกามารมย์ และเรื่องชู้สาว เมื่อน้อยบิดามารดารักใคร่เอาใจใส่ เป็นคนใจอ่อน
ได้เมื่อพระจันทกุมาร พระราชบิดาสั่งแก่พราหมณ์ทั้งสี่ ให้เอาบูชากองกุณฑ์ เทวดาลงมาช่วยให้เกิดพายุพัดเป็นจุณไป พราหมณ์ทั้งสี่เจ็บปวดเป็นหนักหนา จะได้เงินทองข้าคน
คนเกิดปีมะเมีย เดือนห้า เดือนหก เดือนเจ็ด ตกม้ามณีกาศ ธาตุไฟป่า มักตกเข็ญใจ ทำราชการพอประมาณ ทำเรือกสวนไร่นาค้าขายพอมีพอกิน พอเลี้ยงตัวได้ มีปัญญา ใจบุญ
คนเกิดปีมะเมีย เดือนแปด เดือนเก้า เดือนสิบ ตกม้าคนเลี้ยง ธาตุไฟคนสุม ปากร้าย ถ้าเป็นหญิงมักนอกใจผัว ทำราชการมักผิดเพราะปาก ทำเรือกสวนไร่นาค้าขายดี จะมีเงินทองทรัพย์สิน มีข้าทาสชายหญิงบริบูรณ์
คนเกิดปีมะเมีย เดือนสิบเอ็ด เดือนสิบสอง เดือนอ้าย ตกม้ากระจอกเทศ ธาตุไฟในหิน มักเข็ญใจ ทำราชการมิสู้ดี ทำเรือกสวนไร่นาค้ขายพอมีอันจะกินเทียมท่านทั้งหลาย
คนเกิดปีมะเมีย เดือนยี่ เดือนสาม เดือนสี่ ตกม้าอาชาไนย ธาตุไฟในแก้ว เป็นม้าพระยาเลี้ยง ทำราชการอาสาขุนนางท้าวพระยาจะได้เป็นใหญ่ จะมียศฐาบรรดาศักดิ์ มีข้าทาสมาก ทำสวนไร่นาค้าขาย จะได้เป็นเศรษฐี
คนเกิดปีมะเมีย วันอาทิตย์ ม้าคนเลี้ยง จะมีตบะเดชะดี
คนเกิดปีมะเมีย วันจันทร์ ม้าเทวดาเลี้ยง จะมีบุญ ดีนัก
คนเกิดปีมะเมีย วันอังคาร ม้าพระมหากษัตริย์ อุดม ดีนัก
คนเกิดปีมะเมีย วันพุธ ม้าสาธารณ์ อาภัพ มิดี
คนเกิดปีมะเมีย วันพฤหัสบดี ม้าพระโพธิสัตว์อุดม แต่จะต้องลำบาก
คนเกิดปีมะเมีย วันศุกร์ ม้าแม่ตาย อาภัพ มิดี
คนเกิดปีมะเมีย วันเสาร์ ม้าเสียเส้น จะต้องลำบาก มิดี
คนเกิดปีมะแม - แพะ เป็นเทวดาผู้หญิง ธาตุทอง มิ่งขวัญตกอยู่ที่ต้นปาริชาติ และต้นไผ่ป่า
ผู้ใดเกิดปีมะแม่ ชันษาตกอยู่ที่มือซ้ายพรหม พระอาทิตย์เป็นปาก เจรจาเป็นที่ชอบใจแก่คนทั้งหลาย มีสมณชีพราหมณ์เป็นต้น พระจันทร์กับพระพุธเป็นมือทำการงานหยาบ เอาดีไม่ได้ แต่เป็นคนมีมานะดี พระอังคารเป็นใจ ชอบเรียนวิชาความรู้ต่าง ๆ มีวิชาปานกลาง พอเลี้ยงตัวได้ พระพฤหัสบดีกับพระเสาร์เป็นเท้า มักต้องเป็นคนเดินมาก พระศุกร์เป็นที่นั่ง เป็นคนมีตัณหาแรง เมื่อน้อยอาภัพ พึ่งผู้อื่นมิได้ เป็นคนปากแข็ง ใจแข็ง
ได้เมื่อพระพรหมนารอทเสด็จจากพรหมโลก หาบทองลงมายังเมืองมนุษย์ จะได้ทรัพย์สินเงินทอง ผ้าผ่อนแพรพรรณ เพราะเจ้าขุนมูลนาย ทำราชการจะได้เป็นใหญ่เป็นโต มียศฐาบรรดาศักดิ์สูง
คนเกิดปีมะแม เดือนห้า เดือนหก เดือนเจ็ด ตกแพะหาผลไม้ ธาตุทองมีฝ้า มักตกเข็ญใจ ทำราชการพอปานกลาง ทำเรือกสวนไร่นาค้าขายพอมีอันจะกินเทียมเพื่อน มักชอบเรียนวิชาความรู้ต่าง ๆ มีความรู้พอเลี้ยงตัวได้
คนเกิดปีมะแม เดือนแปด เดือนเก้า เดือนสิบ ตกแพะคนเลี้ยง ธาตุทองมีราคี ทำราชการดีแต่มักจะเกิดความอยู่เนือง ๆ ทำเรือกสวนไร่นาค้าขายดี เมื่อแก่มีทรัพย์ ใจบุญ
คนเกิดปีมะแม เดือนสิบเอ็ด เดือนสิบสอง เดือนอ้าย ตกแพะดาบส ธาตุทองขาว ทำราชการมิสู้ดี ให้เกรงจะเจ็บมือเจ็บเท้า ทำเรือกสวนไร่นาค้าขายมิสู้ดี หาได้ไว้มิคงที่ มีใจกล้าหาญ มีปัญญาดี รู้เท่าทันคน
คนเกิดปีมะแม เดือนยี่ เดือนสาม เดือนสี่ ตกแพะพระยาเลี้ยง ธาตุทองเนื้อดี ใจอ่อน ทำราชการจะเป็นใหญ่เป็นโต ทำเรือกสวนไร่นาค้าขายดี มีทรัพย์มาก ใจบุญ มีปัญญาดี
คนเกิดปีมะแม วันอาทิตย์ แพะกลางตลาด หาได้ไว้มิคงมิดี
คนเกิดปีมะแม วันจันทร์ แพะเศรษฐีเลี้ยง อุดม ดีนัก
คนเกิดปีมะแม วันอังคาร แพะตาบอด หากิน กันดาร มิดี
คนเกิดปีมะแม วันพุธ แพะราชครูเลี้ยง มีปัญญา ดีนัก
คนเกิดปีมะแม วันพฤหัสบดี แพะพระโพธิสัตว์เลี้ยง จะได้เป็นใหญ่ ดีนัก
คนเกิดปีมะแม วันศุกร์ แพะไม่มีเจ้าของ มักจะต้องลำบาก มิดี
คนเกิดปีมะแม วันเสาร์ แพะคนตาบอดเลี้ยง จะต้องลำบาก มิดี
คนเกิดปีวอก - ลิง เป็นผีเสื้อผู้ชาย ธาตุเหล็ก มิ่งขวัญตกอยู่ที่ต้นขนุน
คนเกิดปีวอก ชันษาตกอยู่ที่ท้องพรหม พระจันทร์เป็นปาก เจรจาหยิ่งยะโส หลักแหลม รู้หลักนักปราชญ์ เล่าเรียนวิชาดีนัก เป็นที่ชอบใจของสมณชีพราหมณ์ และเจ้านายท้าวพระยา พระอังคารกับ พระพฤหัสบดีเป็นมือ เป็นคนมีฝีมือดี แต่มักทำการเนิ่นช้า พระอาทิตย์เป็นใจ เป็นคนที่เข้าใจเรื่องกฎหมาย และทางถ้อยความต่าง ๆ พระศุกร์กับพระอาทิตย์เป็นเท้า เป็นคนมิค่อยจะสู้เดิน มักจะไปด้วยยานพาหนะ พระเสาร์เป็นที่นั่ง เป็นคนมีตัณหาแรง ถ้าเป็นหญิงมักมีตำหนิในที่ลับ ถ้าเป็นชายมักมากชู้หลายเมีย เป็นคนฝักใฝ่ในเรื่องผู้หญิง เป็นคนปากอ่อนใจบุญ เมียมักจะหน่ายหนี
ได้เมื่อพระวิธูรบัณฑิต ปุณณกะยักษ์เอาเธอผูกกับหางม้าพระเหาะไปถึงเมืองนาค เธอจึงเทศนาให้พญานาค และปุณณกยักษ์ได้ฟัง จะได้ทรัพย์สินเงินทองข้าวของเพราะขุนนาง ดีนัก
คนเกิดปีวอก เดือนห้า เดือนหก เดือนเจ็ด ตกลิงลม เลี้ยงยาก ธาตุเหล็กกล้า ทำราชการอาสาขุนนางท้าวพระยา ดีนัก ทำเรือกสวนไร่นาค้าขายมิสู้ดี เป็นคนใจอ่อน จะได้ดีเมื่อแก่
คนเกิดปีวอก เดือนแปด เดือนเก้า เดือนสิบ ตกลิงพระโพธิสัตว์ ธาตุเหล็กอ่อน ทำราชการจะได้เป็นท้าวพระยา พระ หลวง จะได้กินเมือง ทำเรือกสวนไร่นาค้าขายดี เจรจาซื่อสัตย์ ใจบุญ
คนเกิดปีวอก เดือนสิบเอ็ด เดือนสิบสอง เดือนอ้าย ตกลิงป่า ธาตุเหล็กดี เลี้ยงตัวเอง ทำราชการมิสู้ดี ทำเรือกสวนไร่นาค้าขายดี จะมีข้าทาสชายหญิงมาก ใจเป็นทหาร ใจร้อน เป็นคนมักได้
คนเกิดปีวอก เดือนยี่ เดือนสาม เดือนสี่ ตกลิงแสม ธาตุเหล็กป่า ร้ายนัก ทำราชการพอคุ้มตัวได้ ทำเรือกสวนไร่นา พอเลี้ยงตัวใจ ใจบุญ เจรจาซื่อสัตย์ดี
คนเกิดปีวอก วันอาทิตย์ ลิงพระยาเลี้ยง ดีนัก จะได้เป็นใหญ่
คนเกิดปีวอก วันจันทร์ ลิงสาธารณ์ อาภัพ มิดี
คนเกิดปีวอก วันอังคาร ลิงถูกขังกรงเหล็ก มิดี มักจะมีความทุกข์
คนเกิดปีวอก วันพุธ ลิงฤษีเลี้ยง ดี มักจะมีความรู้
คนเกิดปีวอก วันพฤหัสบดี ลิงราชครูเลี้ยง มีปัญญา ดีนัก
คนเกิดปีวอก วันศุกร์ ลิงพระโพธิสัตว์เลี้ยง ดี จะมีวาสนา
คนเกิดปีวอก วันเสาร์ ลิงถูกล่ามโซ่ มิดี มักจะต้องโทษ
คนเกิดปีระกา - ไก่ เป็นผีเสื้อผู้ชาย ธาตุเหล็ก มิ่งขวัญตกอยู่ที่ต้นยาง และต้นฝ้ายเทศ
ผู้ใดเกิดปีระกา ชันษาตกอยู่ที่เข้าพรหมด้านซ้าย พระอังคารเป็นปาก เจรจาไม่มีหางเสียง ชอบกล่าวเรื่องราวของผู้อื่น พระพุธกับ พระศุกร์เป็นมือ เป็นคนมีฝีมือในการช่าง เรื่องเย็บปักถักร้อยต่าง ๆ พระพฤหสับดีเป็นใจ ไม่สู้จะฉลาด เล่าเรียนวิชาสิ่งใด ๆ ก็ดี ไม่ค่อยจะมีความทรงจำ พระเสาร์กับ พระจันทร์เป็นเท้า มักเป็นคนชอบเดิน พระอาทิตย์เป็นที่นั่ง เป็นคนมีตัณหาราคะจัด เมื่อน้อยอาภัพ ไร้ญาติพี่น้อง ใจบุญ
ได้เมื่อพระเวสสันดรพาพระนางมัทรี ชาลี กัณหาไปสู่เขาวงกฏ ทรงบรรพชาเป็นดาบสอยู่กลางป่า อาภัพพ่อแม่ญาติกา แต่ใจดีนัก
คนเกิดปีระกา เดือนห้า เดือนหก เดือนเจ็ด ตกไก่คนเลี้ยง ธาตุเหล็กดี เมื่อน้อยเข็ญใจ ทำราชการจะได้เป็นใหญ่กว่าคนทั้งปวง ทำเรือกสวนไร่นาค้าขายดี ใจอ่อน สอนง่าย ใจบุญ ถ้าเป็นหญิงมักหลายผัว
คนเกิดปีระกา เดือนแปด เดือนเก้า เดือนสิบ ตกไก่เถื่อน ธาตุเหล็กอ่อน เลี้ยงยาก เจรจากลับกลอก มีความโกรธร้านดังงูพิษ งูเห่า ทำราชการไม่สู้ดี ทำเรือกสวนไร่นาค้าขายจึงจะดี ใจบุญ มีปัญญา
คนเกิดปีระกา เดือนสิบเอ็ด เดือนสิบสอง เดือนอ้าย ตกไก่แจ้สินบน ธาตุเหล็กกล้า ทำราชการพอคุ้มตัวได้ ทำเรือกสวนไร่นาค้าขายพอทำพอกิน เป็นคนเขลา มักตกอับเข็ญใจ แต่ใจบุญ
คนเกิดปีระกา เดือนยี่ เดือนสาม เดือนสี่ ตกไก่พระยาเลี้ยง ธาตุเหล็กอุดม ทำราชการจะได้เป็นมนตรีผู้ใหญ่ จะมีทรัพย์สินเงินทอง ข้าทาสชายหญิง เป็นคนมีปัญญา ทำเรือกสวนไร่นาค้าขายดีนัก
คนเกิดปีระกา วันอาทิตย์ ไก่พระยาเลี้ยง สมบูรณ์ดีนัก
คนเกิดปีระกา วันจันทร์ ไก่หาอาหารมิได้ มักต้องตกยาก
คนเกิดปีระกา วันอังคาร ไก่พนันเอาเมือง ดีนัก
คนเกิดปีระกา วันพุธ ไก่พระโพธิสัตว์เลี้ยง ดีนัก จะมีบุญวาสนา
คนเกิดปีระกา วันพฤหัสบดี ไก่ราชครูเลี้ยง ดีนัก จะมีปัญญาความรู้ เฉลียวฉลาด
คนเกิดปีระกา วันศุกร์ ไก่คนเลี้ยง มิดี จะได้รับความลำบาก
คนเกิดปีระกา วันเสาร์ ไก่สมณพราหมณ์เลี้ยง บริบูรณ์ ดีนัก
คนเกิดปีจอ - หมา เป็นผีเสื้อผู้หญิง ธาตุดิน มิ่งขวัญตกอยู่ที่ต้นสำโรง และต้นบัวหลวง
ผู้ใดเกิดปีจอ ชันษาตกอยู่ที่เท้าขวาของพรหม พระพุธเป็นปาก เจรจากระด้าง เจรจาประเล้าประโลมไม่เป็น แต่พอเอาตัวรอดได้ พระอาทิตย์กับ พระเสาร์เป็นมือ เป็นคนมีฝีมือดี เข้าใจในการช่างต่าง ๆ พระศุกร์เป็นใจ แกล้วกล้า ชอบอาสาขุนนางท้าวพระยาเจ้านาย เป็นที่ชอบใจแก่สมณพราหมณ์ทั้งหลาย แต่ว่าตัวเองมักอาภัพ พระอาทิตย์กับพระอังคารเป็นเท้า เป็นคนมิสู้จะต้องเดิน ไปไหนมาไหนมักไปด้วยยานพาหนะ พระจันทร์เป็นที่นั่งมิสู้จะสนใจเรื่องตัณหา มีราคะไม่รุนแรง มักจะเกิดพยาธิ จะมีข้าทาสชายหญิงพอปานกลาง ที่หน้ามักจะมีแผลเป็น ใจบุญ
ได้เมื่อพระยาโปริสาท เขี้ยวงอกออกมายาว เพราะได้กินเนื้อมนุษย์ ทำฟุ้งเฟื่อง ถูกเขาขับออกจากเมือง บุญชักให้กลับเข้ามาอยู่ในเมืองอีก ให้เกรงขุนนางจงหนัก จะพลัดพรากจากที่อยู่ที่กิน ถ้าไปอยู่เมืองอื่น จะได้ลาภมาก
คนเกิดปีจอ เดือนห้า เดือนหก เดือนเจ็ด ตกหมาพระยาเลี้ยง ธาตุดินสุกอุดม เมื่อน้อยมักเข็ญใจ ครั้นเติบใหญ่มากลางคนจะมีทรัพย์มาก ทำราชการอาสาขุนนางพลันได้ดี ทำเรือกสวนไร่นา แต่พอประมาณ
คนเกิดปีจอ เดือนแปด เดือนเก้า เดือนสิบ ตกหมาคนเลี้ยง ธาตุดินดำ มีปัญญามาก ถ้าตกเข็ญใจ จะได้เป็นไท ทำราชการจะได้เป็นใหญ่ จะได้กินเมือง ทำเรือกสวนไร่นาค้าขายพอเลี้ยงตัวได้ มักทำบุญให้ทาน เจรจาซื่อสัตย์ดีนัก
คนเกิดปีจอ เดือนสิบเอ็ด เดือนสิบสอง เดือนอ้าย ตกหมากลางตลาด ธาตุดินจอมเขา ทำราชการพอประมาณ ทำเรือกสวนไร่นาค้าขายดี ใจนั้นมักเป็นทหาร
คนเกิดปีจอ เดือนยี่ เดือนสาม เดือนสี่ ตกหมาจิ้งจอก ธาตุดินทายุ้ง ทำราชการพอเลี้ยงตัวได้ ทำเรือกสวนไร่นาค้าขายพอจะมีกินเทียมเพื่อน พอเลี้ยงตัวได้ ใจเป็นทหาร ใจแข็ง
คนเกิดปีจอ วันอาทิตย์ หมาไล่เนื้อ มักตกยาก มิดี
คนเกิดปีจอ วันจันทร์ หมาเศรษฐีเลี้ยง สมบูรณ์ ดีนัก
คนเกิดปีจอ วันอังคาร หมาขี้เรื้อน อาภัพ มิดี
คนเกิดปีจอ วันพุธ หมาสาธารณ์ อาภัพ มิดี
คนเกิดปีจอ วันพฤหัสบดี หมามีบริวาร อุดม ดีนัก
คนเกิดปีจอ วันศุกร์ หมาเศรษฐีเลี้ยง บริบูรณ์ ดีนัก
คนเกิดปีจอ วันเสาร์ หมาถูกล่ามโซ่ มีดี
คนเกิดปีกุน - หมู เป็นมนุษย์ผู้หญิง ธาตุน้ำ มิ่งขวัญตกอยู่ที่ต้นบัวหลวง และต้นบัวบก
ผู้ใดเกิดปีกุน ชันษาตกอยู่ที่เท้าซ้ายของพรหม พระพฤหัสบดีเป็นปาก เจรจาหลักแหลม รู้หลักนักปราชญ์ แตมิสู้จะมีผู้เชื่อฟัง พระศุกร์กับพระอาทิตย์เป็นมือ มักจะต้องทำการงานหนัก เหนื่อยมาก พระเสาร์เป็นใจ ใจร้อน ใจเร็ว เป็นคนเจ้าโทสะ โกรธง่ายหายเร็ว ไม่ผูกอาฆาต พระจันทร์กับพระพุธเป็นเท้า มักเป็นคนชอบเดิน พระอังคารเป็นที่นั่ง ถ้าเป็นหญิงมักมีตำหนิในที่ลับ ถ้าเป็นชายมักจะเป็นชู้เมียท่าน เจรจาเป็นที่ชอบใจสมณชีพราหมณ์ และขุนนางท้าวพระยา
ได้เมื่อพระศุภมิตร พานางแก้วเกษิณีไปอยู่กลางป่า จากที่เกิดไปอยู่ที่อื่นจะได้ดี จะมีเงินทองมาก
คนเกิดปีกุน เดือนห้า เดือนหก เดือนเจ็ด ตกหมูเทวดาเลี้ยง ธาตุน้ำสร้าง มิสู้ดี ทำราชการมิสู้ดี ทำเรือกสวนไร่นาค้าขายพอทำกิน ถ้าไปทำมาหากินต่างเมืองจะดี จะมีเงินทองมาก มีปัญญา ใจบุญ
คนเกิดปีกุน เดือนแปด เดือนเก้า เดือนสิบ ตกหมูคนเลี้ยงอยู่ในเล้า ธาตุน้ำอาศัย มีญาติกามาก พึ่งผู้อื่นมิได้ ต้องพึ่งตัวเอง ทำราชการมิสู้ดี ทำเรือกสวนไร่นาค้าขายดี ใจบุญนัก ทำกินโดยสัจจะ โดยซื่อ มีปัญญาดีนัก
คนเกิดปีกุน เดือนสิบเอ็ด เดือนสิบสอง เดือนอ้าย ตกหมูขี้เรื้อน ธาตุน้ำป่า มักตกเข็ญใจ ทำราชการพอประมาณ ทำเรือกสวนไร่นาค้าขาย พอมีอันจะกิน ใจบุญ เจรจาความซื่อสัตย์ดี
คนเกิดปีกุน เดือนยี่ เดือนสาม เดือนสี่ ตกหมูป่าคาบแก้ว ธาตุน้ำคลอง จับยาก เป็นพญาแก่หมูทั้งหลาย ทำราชการพลันได้ดี ทำเรือกสวนไร่นาค้าขายดี ใจบุญ
คนเกิดปีกุน วันอาทิตย์ หมูพระยาเลี้ยง จะมีบุญวาสนาดีนัก
คนเกิดปีกุน วันจันทร์ หมูคนฆ่ากิน มักตกทุกข์ มิดี
คนเกิดปีกุน วันอังคาร หมูเศรษฐีเลี้ยง จะมีทรัพย์ ดีนัก
คนเกิดปีกุน วันพุธ หมูสาธารณ์ อาภัพ มิดี
คนเกิดปีกุน วันพฤหัสบดี หมูราชครูเลี้ยง ดีนัก
คนเกิดปีกุน วันศุกร์ หมูขาหัก มักเข็ญใจ มิดี
คนเกิดปีกุน วันเสาร์ หมูมีบริวาร จะได้เป็นมนตรี ดีนัก
ทายกาลชะตากำเนิด (วันเกิด) เจ็ดวัน
คนเกิดวันอาทิตย์ พระประจำวันปางถวายเนตร
ผู้ใดเกิดวันอาทิตย์ ผู้นั้นใจจิตจะพลันมักง่าย ทำการเสมอตัว ดีชั่วใด ๆ ทำคุณแก่ใครเหมือนไฟตกน้ำ จะมีผู้ใหญ่เป็นผู้อุปถัมภ์ เจรจาล้ำเลิศ ไม่มีความผิด น้ำใจซื่อตรง คงสัตย์ต่อมิตร รักง่ายใจจิต ไม่คิดเสียดาย ถ้อยความมาต้อง ถึงสองสามราย ร้ายแล้วกลับกลายเป็นดีภายหลัง เมื่อน้อยไร้ทรัพย์ เมื่อเติบโตกลับมั่งคั่งบริบูรณ์ พร้อมพรั่งมีมาก แต่จากที่อยู่ จิตใจนั้นใหญ่ มักชอบเจ้าชู้ จะมีความรู้ะเป็นที่สำคัญ
คนเกิดวันจันทร์ พระประจำวันปางห้ามสมุทร
ผู้ใดเกิดวันจันทร์ เกณฑ์ชาตาผู้นั้น ทายว่าไร้วงศา อันจะพึ่งญาติ มิได้สักครา เขากลับพึ่งพา ดีเนื้อดีใจถ้าแม้นผู้อื่น ยั่งยืนหมายไว้ ติดเนื้อต้องใจ เอาเป็นพี่น้อง ไม่เกรงกลัวใคร น้ำใจจองหอง โอหังคะนอง พบเพื่อนสูงศักดิ์ ปากอ่อนใจแข็ง โกรธร้ายแรงนัก พ่อแม่ที่รัก ไม่อยู่เลี้ยงกัน มักมีตำหนิ เป็นแผลสำคัญ ถ้ามิฉะนั้น ทายว่าถูกไฟ จะต้องลำบาก ได้ยากเจ็บไข้ โทษทัณฑ์โภยภัย เพราะท่านผู้อื่น ตกยากเมื่อหน้า ภายหลังคงคืน ครอบครองยั่งยืนสุดสิ้นชนมานย์
คนเกิดวันอังคาร พระประจำวันปางไสยาสน์
ผู้ใดเกิดวันอังคาร จิตใจกล้าหาญ ทายว่ารกพันคอ โกรธเร็วดังไฟ ใจไม่ย่อท้อ ได้พึ่งแม่พ่อ เป็นที่มั่นคง พี่น้องวงศา ไม่น่าซื่อตรง ทำให้ไหลหลง จนได้รำคาญ แต่มีปัญญา เจรจาอ่อนหวาน ไม่เกียจไม่คร้าน ต่อนานจึงจะดี ชาตาอาภัพ เกิดกับที่นี่ ต้องย้ายจึงจะดี ไปอยู่ที่อื่น ได้ดีสองครั้ง มั่งคั่ง มั่งคั่งยั่งยืน แล้วกลับโหดหืน ได้ยากสองหน จะต้องร้อนใจ เพราะภัยประจญ เครือญาติของตน ทำเดือดร้อนใจ ต่อแก่ชรา สุดสิ้นโรคภัย ได้ทรัพย์ที่สุด
คนเกิดวันพุธ พระประจำวันปางอุ้มบาตร
ผู้ใดเกิดวันพุธ ใจดีที่สุด ทั้งหญิงทั้งชาย แต่ไร้วงศา ญาติกาทั้งหลาย ใจพลันมักง่าย ไม่คิดหน้าหลัง มักเอาที่อื่นเป็นที่พึ่งพา ทรัพย์สินนานา ทำใส่ตัวเอง ถ้าเป็นสมณะ คนระยำเกรง คฤหัสถ์โฉงเฉง โก้งเก้งฉกลัก ใจชอบนักเลง ผู้หญิงมักรัก พบเพื่อนต่ำศักดิ์ มักจะได้ร้อนรน ตกยากหลายครั้งได้ดีหลายหน พ่อแม่แห่งตนมิได้ปฏิบัติ
คนเกิดวันพฤหัสบดี พระประจำวันปางสมาธิ
ผู้ใดเกิดวันพฤหัสบดี อาจารย์บัญญัติว่ารูปงามใจดี แต่ว่าอาภัพ เกิดกับที่นี่ต้องย้ายจากที่ไปอยู่แห่งอื่น เมื่อน้อยไร้ทรัพย์ ใหญ่กลับคงคืน เจรจายั่งยืน คนมักพอใจ ครองทรัพย์คงที่ ไม่มีโภยภัย คนที่อาศัย มักชอบใจตน ทำการใจเย็น ไม่เห็นร้อนรน แต่ทำคุณคน ไม่เป็นประโยชน์ ทำคุณแก่เขา เขากลับให้โทษ ไม่เป็นประโยชน์ จำไว้อย่าคลา มากชู้หลายเมีย ได้เสียไม่ว่ามักได้ทุกขา เพราะเพื่อนฝูงตน ครองศีลครองศักดิ์ เพื่อนฝูงที่รัก พร้อมพรักเป็นสุข
คนเกิดวันศุกร์ พระประจำวันปางรำพึง
ผู้ใดเกิดวันศุกร์ บ่มีภัยทุกข์ ซื่อสัตย์ทุกประการ เพื่อนฝูงญาติกา มักมาเบียดผลาญ แต่ว่าวงศ์วาน ไม่สู้มีมาก เมื่อน้อยนั้นหนา ทายว่าลำบาก ตกไร้ได้ยาก แทบสิ้นชีวี ต่อแก่ชรา จะเทียมเศรษฐี สมบัติเปรมปรีดิ์ เป็นที่สถาพร จะเป็นกำพร้า บิดาตายก่อน ได้ทุกข์ได้ร้อน สองครั้งมั่นคง ถ้าพ้นแต่นั้น สมบัติยืนยง ครอบครองมั่นคง เป็นสงฆ์จึงดี มักบ่นมักด่า มักว่าจู้จี้ โกรธร้ายเต็มที ได้คิดเราเขา
คนเกิดวันเสาร์ พระประจำวันปางนาคปรก
ผู้ใดเกิดวันเสาร์ เพื่อนฝูงพงศ์เผ่า มักให้อันตราย น้ำใจห้าวหาญ เพื่อนฝูงมากมาย พี่น้องสืบสาย มักผิดใจกัน น้ำใจจองหอง โมโหหุนหัน ทุบถองตีรัน ชอบใจทุกสิ่ง เบ็ดเตร็ดเสเพล นักเลงผู้หญิง นักเลงทุกสิ่ง ชอบใจคนพาล ทำการสิ่งใด ให้เกียจให้คร้าน พี่น้องวงศ์วาน เขาไม่ดูดี คบเพื่อนสูงศักดิ์ รักกันเต็มที่ มิได้หน่ายหนี มักแพ้ลูกเมีย ผู้คนทั้งหลาย
ทายวันเกิดอีกตำราหนึ่ง
ผู้ใดเกิดวันอาทิตย์ ทำชอบได้ผิด ดังไฟตกน้ำดับหาย มักง่ายอาภัพจนตาย มีพงษ์วงศ์ร้าย มักให้เสื่อมสูญรัศมี ชื่อต่างเพิ่มพูน ความคิดเสียสูญ มักผิดด้วยเขาหลายครา จะจากที่อยู่สามท่าจึงได้สุขา ธาตุหิน นามครุฑโดยนัย
ถ้าผู้ใดเกิดวันจันทร์ ว่าไว้มีแผลถูกไฟ เป็นไฝสำคัญในกายา จะขึ้งจะโกรธปากกล้า มานะทะท้า ใจมักโอบอ้อมฉุยฉาย เจ็บสองครั้งปางตาย ว่าจะเป็นหม้าย ขวนขวายทำมาหากิน ได้เพื่อนฝูงเขามักสับใช้ พึ่งญาติไม่ได้ พี่น้องไม่เลี้ยงกัน ถ้าผู้ใหญ่ได้ยาก อาธรรม์ สองครั้งผายผัน ธาตุไม้พร้อมนามเตโช
ผิว์เกิดวันอังคาโร รกพันกัณโฐ มโนบ่มีที่ยั่งยืน เมื่อโกรธมีความฝ่าฝืน มีปรีชาชื่น อุตสาหะมานะ ทนทาน เจรจาอ่อนหวานเล่ห์กล มีที่ฝากตน เป็นผลยาวยืนได้เห็น มักทุกข์ด้วยญาติขุกเข็ญ ทุกข์อันหนึ่งเป็น ด้วยไร่นาของตนเอง ได้ดีสี่คราครื่นเครง ครั้งหนึ่งยากเอง ธาตุเหล็ก สีหะนามชาตา
ผิว์เกิดวันพุธ ผู้นั้นเจรจา แต่ถ้อยคำพอประมาณ นักเที่ยวพละการ จะเป็นหมอพยาบาล แต่ทำได้ไว้มั่นคง มีญาติเหมือนหนึ่งไร้วงศ์ แม้ถ้าเป็นสงฆ์ จะเลื่องลือปรากฏ แม้เป็นคฤหัสสาโหด เที่ยวเตร่จับจด ทั้งชู้ และเมียมากมี ตกยากห้าคราได้ดี สามครั้งมั่งมี ธาตุเถ้าสุนัขนามชาติ
ผิว์เกิดวันพฤหัสบดี ใจใหญ่เป็นศรี ทายว่าไปใหญ่ที่อื่น จะเป็นครูท่านยั่งยืน มีปรีชารื่น จะเป็นที่พึ่งฝูงชน ว่ามักทำถ้อยความคน มิตรมักทุรชน ทำคุณผลกลับกลาย เมียก่อนบ่ยืนมักตาย หาใหม่สืบสาย ว่าเมียหลังจักดี จะได้ความทุกข์หลายที ต้นปลายมั่งมี มุลิกนาม ธาตุน้ำ
ผิว์เกิดวันศุกร์ตกต่ำ เมื่อน้อยฟกช้ำ รู้ซื้อรู้ขาย รู้เก็บรู้จ่ายครบครัน มักง่ายมักตายทุกอัน มักทุกข์เนืองอนันต์ พ่อตายก่อนโดยยล ว่าจะต้องยากสองหน จึงจะได้ดี ธาตุลม อัชชะนามชาโต
ผิว์เกิดวันโสโร ใจหยาบโลโภ มักจะโอ่โอ้โยสาร โกรธร้ายเสียคิดอ่านการ เจรจาหักหาญ แต่ล้วนจะพาลด่าตี เงินทองข้าคนมากมี นักเลงสตรี ทายว่ามีเมียหลายคน จะมีเพื่อนฝูงทุกตำบล พี่น้องของตน มักมิชอบกันราวี ทายว่าข้าวปลายจักดี โดยชาติอันมี นามธาตุไฟสำเร็จ
ทายวันเกิดอีกตำราหนึ่ง
คนเกิดวันอาทิตย์ สิทธิการิยะ ผู้ใดเกิดวัน ๑ คืออาทิตย์ อาทิตย์เป็นบริวาร มีลูกมากเมียหลาย แต่ว่าไปมาเชื่องช้า ๒ จันทร์เป็นอายุ เป็นคนที่เข้ากับพี่น้องมิใคร่ได้ ๓ อังคารเป็นเดช มีเดชังราชสีห์ ๔ พุธเป็นศรีมีทรัพย์ดังมหาเศรษฐี ๗ เสาร์ เป็นมูลละ มีรูปชั่วดำแดงเสมอดังชูชก ๕ พฤหัสบดี เป็นอุตสาหะ มีความรู้ยิ่งกว่าคนทั้งปวง ย่อมเป็นครูคน ๘ ราหูเป็นมนตรี มีลูกเมียข้าไท ย่อมว่าง่ายสอนง่าย ๖ ศุกร์เป็นกาลกิณีร้ายนัก
คนเกิดวันจันทร์ ผู้ใดเกิดวัน ๒ คือวันจันทร์ จันทร์เป็นบริวาร จะได้เป็นเศรษฐี ๓ อังคารเป็นอายุ มีอายุน้อย มักจะเกิดพยาธิ ๔ พุธเป็นเดช มีเดชดังพระราม ๗ เสาร์เป็นศรี รูปไม่งาม ๕ พฤหัสบดีเป็นมูลละ มีรูปงามเป็นที่ชอบใจแก่คนทั้งหลาย ๘ ราหู เป็นอุตสาหะ มีความเพียรน้อย มีคนริษยามาก ทำการนานกว่าจะแล้ว ๖ ศุกร์เป็นมนตรี มีเมียหลายคน ย่อมเป็นเชื้อผู้ดี ๑ อาทิตย์เป็นกาลกิณี ร้ายนักคนเกิดวันอาทิตย์อย่าคบ
คนเกิดวันอังคาร ผู้ใดเกิดวัน ๓ คือวันอังคาร อังคารเป็นบริวาร มีลูกเมียข้าไท ย่อมรู้หลัก ๔ พุธ เป็นอายุ ว่าอายุยืนกว่าญาติกา ๗ เสาร์ เป็นเดชมีเดชดังพระราม ๕ หฤหัสบดีเป็นศรี มีทรัพย์มากและรูปงาม มีความคิดมาก ๘ ราหูเป็นมูลละ มีรูปงาม ๖ ศุกร์เป็นอุตสาหะมีความเพียรมาก มีทรัพย์มาก เป็นชายดี ๑ อาทิตย์เป็นมนตรี มีข้ามักเป็นศัตรู ๓ จันทร์เป็นกาลกิณี มีเมียมักนอกใจ
คนเกิดวันพุธ ผู้ใดเกิดวัน ๔ คือวันพุธ พุธเป็นบริวาร มีเมียย่อมเอาทรัพย์มาสู่ตน ๗ เสาร์เป็นอายุ มีอายุน้อย มักเป็นพยาธิ ๕ พฤหัสบดีเป็นเดช มีเดชดังพระโพธิสัตว์ ๗ ราหูเป็นศรี มีทรัพย์น้อย ๖ เป็นมูลละ มีความเพียรมาก ๑ อาทิตย์เป็นอุตสาหะ ใจร้าย รูปเป็นมัชฌิมา ๒ จันทร์เป็นมนตรี มีลูกเมียข้าไท มักเอาทรัพย์มาสู่เรือน ๓ อังคารเป็นกาลกิณี อาภัพมิตรสหาย ทำคุณคนไม่ขึ้น
คนเกิดวันพฤหัสบดี ผู้ใดเกิดวัน ๕ คือวันพฤหัสบดี พฤหัสบดีเป็นบริวาร ย่อมประกอบด้วยวิชาการงานทุกสิ่งอัน ๘ ราหูเป็นอายุว่าผู้นั้นมีอายุน้อย มักเกิดพยาธิโรคามาก ๖ ศุกร์เป็นเดชมีเดชดี ๑ อาทิตย์เป็นศรี มีทรัพย์ไม่มาก ๒ จันทร์เป็นมูลละ มีลูกเมียมาก แต่มิสู้ยั่งยืน ๓ อังคารเป็นอุตสาหะผู้นั้นมักฉลาด ๔ พุธเป็นมนตรี มีเมียไม่ซื่อตรง ทำตัวมีใจออกห่าง ๗ เสาร์เป็นกาลกิณีร้ายนัก ทำคุณคนมักกลับให้โทษ
คนเกิดวันศุกร์ ผู้ใดเกิดวัน ๖ คือวันศุกร์ ศุกร์เป็นบริวาร ผู้นั้นมีความสุขมาก มียศมาก ๑ อาทิตย์เป็นอายุ มีอายุยืน ๒ จันทร์เป็นเดชมีเดชมหึมา ๓ อังคารเป็นศรี มีทรัพย์สินเงินทองมาก ๔ พุธเป็นมูลละ มีรูปงาม ๗ เสาร์เป็นอุตสาหะ ทำการใด ๆ ไม่ใคร่จะแล้วมักค้างอยู่ ๕ พฤหัสบดีเป็นมนตรีดีนัก ๘ ราหูเป็นกาลกิณี ร้ายนัก
คนเกิดวันเสาร์ ผู้เกิดวัน ๗ คือวันเสาร์ เสาร์เป็นบริวาร มีลูกมีข้าไท ว่าสอนยาก ๕ พฤหัสบดีเป็นอายุ มีอายุยืน ๘ ราหูเป็นเดช มีเดชดังราหู ๖ ศุกร์เป็นศรีมีทรัพย์มาก ๑ อาทิตย์เป็นมูลละมีสุขภาพและนรลักษณ์ดี จันทร์เป็นอุตสาหะ ทำการงานไม่สู้ดี ๓ อังคารเป็นมนตรี ร้ายนัก มิซื่อตรงคิดจะทำร้ายเขา ๔ พุธเป็นกาลกิณี ร้ายนัก ไม่ซื่อตรงต่อผู้ใดเลย
พยากรณ์ฐานวันทั้งเจ็ดวัน
๑. พระอาทิตย์ ทรงพญาราชสีห์เป็นพาหนะ
สิทธิการิยะ ผู้ใดเกิดวันอาทิตย์ ๑ เป็นอัตะ ทายว่าผู้นั้นจะมีวาสนา เมื่อคลอดมีแต่พี่น้องมาประชุมกันมากมาย เป็นคนเจรจาดี จะได้ดีเพราะตัวเอง ๒ เป็นหินะ ทายว่าผู้นั้นได้ข้าวของมักรักแต่ต้นมือ นานไปมักแหนงหน่าย ๓ เป็นธะนัง ทายว่าผู้นั้นเก็บทรัพย์ไว้กับตัวไม่ค่อยอยู่ มักจะมีคนคอยเบียดเบียน ๔ เป็นปิตา ทายว่าพ่อตายก่อนแม่ ๕ เป็นมาตา ทายว่าญาติพี่น้องข้างแม่สูงกว่าข้างพ่อ ๖ เป็นโภคา ทายว่าผู้นั้นมีข้าวของมักให้ผู้อื่น เก็บทรัพย์ไว้มิใคร่จะคงที่ ๗ เป็นมัชฌิมา ทายว่าผู้นั้นมิคค่อยสนใจในเรื่องผู้หญิง ชอบแต่ในการทหารแล
๒. พระจันทร์ ทรงอาชาไนย เป็นพาหนะ
ผู้ใดเกิดวันจันทร์ ๒ เป็นอัตตา ผู้นั้นมักไม่ค่อยได้อยู่ร่วมพี่ร่วมน้อง เมื่อน้อยมีผู้เฒ่าผู้แก่ขอไปเลี้ยงท่านจะให้ลาภ แต่ตัวเองมักอาภัพ ทำคุณคนไม่ขึ้น เจรจาชอบใจสมณชีพราหมณ์ ๓ เป็นหินะ ผู้นั้นมักจะไม่รักข้าวของของตน ๔ เป็นธะนัง ผู้นั้นเก็บทรัพย์ไว้กับตนเองมิดี มักมีคนคอยเบียดเบียน ๕ เป็นปิตา แม่ตายก่อนพ่อ บิดานั้นต่อไปกลางคนจะมีบุญ ๖ เป็นมาตา ญาติของมารดามีมากกว่าบิดา และมีข้าทาสมาก ๗ เป็นโภคา ผู้นั้นมิรู้รักษาทรัพย์ได้มาจักแจกจ่ายให้ผู้อื่น ๑ เป็นมัชฌิมา ผู้นั้นไปหาท่านผู้ใด มักดีแต่ต่อหน้า
๓. พระอังคาร ทรงมหิงสาเป็นพาหนะ
ผู้ใดเกิดวันอังคาร ๓ เป็นอัตตะ ผู้นั้นมักมีแผลเป็นตามใบหน้า มีความคิดดี พึ่งญาติพี่น้องเพื่อนฝูงมิได้ มักจะถูกเจ็บตัวเพราะเพื่อน ๔ เป็นหินะ ผู้นั้นมักเห่อทรัพย์ ๕ เป็นธะนัง ผู้นั้นเป็นคนมักได้ จะได้ทรัพย์จากขุนนางท้าวพระยา แต่มักจะมีคนคอยเบียดเบียน ๖ เป็นปิตาผู้นั้นพ่อตายก่อนแม่ มีข้าทาสหญิงชายมาก ภายหน้าจะมีบุญ ๗ เป็นมาตา มีมารดาเป็นคนสันทัด มีพี่น้องพอมัธยม เป็นคนโกรธง่ายหายเร็ว ๑ เป็นโภคา เป็นคนรู้จักรักษาทรัพย์ ๒ เป็นมัชฌิมา ผู้นั้นไปที่ใดๆ เจรจาเป็นที่ถูกใจแก่คนทั้งหลาย เขามักยินดีต้อนรับ
๔. พระพุธ ทรงคชสาร เป็นพาหนะ
ผู้ใดเกิดวันพุธ ๔ เป็นปัตตะ ผู้นั้นเป็นคนมีใบหน้าใหญ่ ผมบาง ทำคุณคนไม่ขึ้น ดีแต่ต่อหน้า เจรจาเป็นที่ชอบใจแก่คนทั้งหลาย ทำราชการต่อไปภายหน้าจะดี ๕ เป็นหินะ ผู้นั้นต่อไปภายหน้าจะมีทรัพย์สินเงินทองมาก ๖ เป็นธะนัง ผู้นั้นรู้จักออมทรัพย์ มักได้ลาภจากขุนนางท้าวพระยา ๗ เป็นปิตา บิดาผู้นั้นผมหยักศก หน้ามน เป็นที่เอ็นดูแก่ขุนนางท้าวพระยา ทำราชการจะได้ดี ๑ เป็นมาตา มารดาผู้นั้นเป็นคนสันทัด เจรจารู้หลักนักปราชญ์ ตัวเองมักอาภัพ แม่ตายก่อนพ่อ ๒ เป็นโภคา ผู้นั้นมิสู้จะรักทรัพย์เท่าใดนัก ๓ เป็นมัชฌิมา ผู้นั้นไปในที่แห่งใดก็ดี จะมีคนยินดีต้อนรับ
๕. พระพฤหัสบดี ทรงมฤคราช เป็นพาหนะ
ผู้ใดเกิดวันพฤหัสบดี ๕ เป็นอัตตะ ผู้นั้นรู้หลักนักปราชญ์ เป็นคนพูดน้อยเจรจาดี ทำราชการจะเป็นที่ชอบใจแก่ขุนนางท้าวพระยา ๖ เป็นหินะ ผู้นั้นรักษาข้าวของดีนัก ๗ เป็นธะนัง ผู้นั้นจะเป็นคนรวยทรัพย์ และมักจะได้ลาภจากขุนนางท้าวพระยา ๑ เป็นปิตา ผู้นั้นรูปร่างสูงใหญ่ โกรธร้าย พ่อตายก่อนแม่ ๒ เป็นมาตา มารดาผู้นั้นเมื่อสาวมีบุญ ญาติพี่น้องมีทรัพย์สมบัติ ๓ เป็นโภคา ผู้นั้นเป็นคนรู้จักเก็บรักษาทรัพย์ แต่ใจมักเป็นนักเลง ๔ เป็นมัชฌิมา เป็นคนเจรจาน้อยแต่ได้ในความดี เจรจาเป็นที่ชอบใจแก่คนทั้งหลาย
๖. พระศุกร์ ทรงอุสุภราช เป็นพาหนะ
ผู้ใดเกิดวันศุกร์ ๖ เป็นอัตตะ ผู้นั้นเมื่อคลอดออกมามีรกพันคอ หรือมิฉะนั้นก็จะตาย หรือตกน้ำอย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้าได้หญิงที่เป็นเจ้านายเอาไปเลี้ยงจะได้ดี เป็นคนซื่อตรง และใจบุญเป็นที่พึ่งแก่คนทั้งหลาย มักจะมีตำหนิในที่ต่าง ๆ เป็นหินะ เป็นคนฉลาด รู้หลักนักปราชญ์ ๑ เป็นธะนัง เก็บทรัพย์ไว้กับตัวไม่ค่อยดี มักจะจับจ่ายใช้สอย และมักถูกเพื่อนเบียดเบียน ๒ เป็นปิตา บิดาผู้นั้นมีรูปร่างสูง เมื่อหนุ่มมีทรัพย์มีพี่น้องมาก แม่ตายก่อนพ่อ ๓ เป็นมาตา มารดาเป็นคนผิวเนื้อดำแดง ถันใหญ่ เมื่อสาวมีบุญ เมื่อแก่ตกยากไร้ญาติ ๕ เป็นโภคา ผู้นั้นรู้จักรักษาทรัพย์ เป็นคนตระหนี่ ๕ เป็นมัชฌิมา ผู้นั้นเจรจาเป็นที่ชอบใจแก่ขุนนางท้าวพระยา และสมณชีพราหมณ์ทั้งหลาย
๗. พระเสาร์ ทรงพยัคฆราช (เสือ) เป็นราชพาหนะ
ผู้ใดเกิดวันเสาร์ ๗ เป็นอัตตะ ผู้นั้นเมื่อน้อยเลี้ยงยาก มีผู้ขอเอาไปเลี้ยง เป็นคนมีสติปัญญาดี เล่าเรียนสิ่งใด ๆ ก็ดีมักจะเป็นครูเขา จะตั้งตัวได้เพราะตัวของตัวเอง ทำราชการจะปรากฏชื่อเสียง จะได้เป็นขุนนางท้าวพระยา ๑ เป็นหินะ ผู้นั้นมิรู้ที่จะตกยากเลย ๒ เป็นธะนัง ผู้นั้นได้ทรัพย์สินเงินทองข้าวของมักมีตำหนิ เป็นคนตระหนี่ทรัพย์ ๓ เป็นปิตา บิดาของผู้นั้นผิวเนื้อดำแดง ผมหยักศก มีญาติพี่น้องพึ่งมิได้ เป็นคนปากเบา ต่อภายแก่จะมีทรัพย์พอปานกลาง แม่ตายก่อนพ่อ ๕ เป็นมาตา มารดาของผู้นั้นผิวขาว เป็นคนมีบุญ ญาติพี่น้องเป็นคนรวยสมบัติ เมื่อกลางอายุจะมีทรัพย์พอปานกลาง แต่มักจะมีการเจ็บป่วยอยู่เนือง ๆ ๕ เป็นโภคา ผู้นั้นจะมีทรัพย์สินเงินทองด้วยตัวของตัวเอง ๖ เป็นมัชฌิมา ผู้นั้นเป็นคนเจรจาอ่อนหวาน พูดจาไพเราะ มักเป็นที่ชอบใจแก่หญิงทั้งหลาย
|
|
การหาเวลาวางลัคน์และการเรียงยาม
ตำราเลขเจ็ดตัว เป็นพื้นฐานที่โบราณาจารย์ได้สร้างขึ้นไว้เป็นเบื้องต้นในหลักตำราพยากรณ์ โดยได้มาจากการโคจรของดาวเจ็ดดวงบนท้องฟ้า จับเอาระยะการโคจรของดาว จากช้าที่สุดจนถึงเร็วที่สุดคือ
๗ - ดาวเสาร์ (เสาร์) ๕ - ดาวพฤหัสบดี (ครู) ๓ - อังคาร (ภุมมะ)
๑ - ดวงอาทิตย์ (สุริชะ) ๖ - ดาวศุกร์ (ศุกระ) ๔ - ดาวพุธ (พุธะ)
๒ - ดาวจันทร์ (จันเทา)
และกำหนดเอาชื่อดาวทั้งเจ็ดดวงนี้เป็นชื่อวันทั้งเจ็ด คือสัปดาห์หนึ่งโดยถอดเอาตัวกลาง คือ ๑ - อาทิตย์ (สุ ริชะ) ไปอีกทีละสี่ก็จะได้ ๒ - จันทร์ (จันเทา) และนับจากจันทร์ออกไปอีกสี่ ก็จะได้ ๓ - อังคาร (ภุมมะ) นับทำนองนี้เรื่อยไปจนครบทั้งเจ็ดดาว ก็จะได้ชื่อวันครบทั้งเจ็ดวัน มีชื่อตามที่เรียกว่า อาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัสบดี ศุกร์ และเสาร์ ตามลำดับ
ในหนึ่งวันแบ่งออกเป็นชั่วโมง โดยคิดจากเวลาที่ดวงอาทิตย์ขึ้นถึงเวลาที่ดวงอาทิตย์ตก เป็นระยะเวลา ๑๒ ชั่วโมง จากดวงอาทิตย์ตกไปถึงดวงอาทิตย์ขึ้นอีก ๑๒ ชั่วโมง รวมเป็น ๒๔ ชั่วโมง
ตามวิชาโหราศาสตร์ กำหนดการนับวันโดยถือดวงอาทิตย์เป็นเกณฑ์ คือจากเวลาที่ดวงอาทิตย์ขึ้นไปจนถึงดวงอาทิตย์ขึ้นอีกครั้งหนึ่งเป็นหนึ่งวัน ไม่ได้ใช้เวลา ๒๔ นาฬิกา อย่างที่ใช้กันอยู่เป็นสากล
ในภาคกลางวัน ๑๒ ชั่วโมง และภาคกลางคืนอีก ๑๒ ชั่งโมง แต่ละภาคแบ่งออกเป็นแปดยาม แต่ละยามจะเท่ากับ หนึ่งชั่วโมงครึ่ง ยามทั้งแปดทั้งภาคกลางวัน และภาคกลางคืน มีชื่อเรียกโดยกำหนดเอาชื่อของวันนั้นเป็นยามแรก แต่เนื่องจากมีแปดยามและมีเจ็ดวัน ดังนั้นในยามสุดท้ายคือยามแปด จึงกลับไปใช้ชื่อยามแรกดังนี้
ยามกลางวัน วันอาทิตย์
เวลา |
๐๖.๐๐ น. |
ถึง |
๐๗.๓๐ น. |
เป็นยาม |
สุวิชะ |
(๑) |
คือยาม |
แรกหรือยามหนึ่ง |
เวลา |
๐๗.๓๐ น. |
ถึง |
๐๙.๐๐ น. |
เป็นยาม |
ศุกระ |
(๖) |
คือยาม |
สอง |
เวลา |
๐๙.๐๐ น. |
ถึง |
๑๐.๓๐ น. |
เป็นยาม |
พุธะ |
(๔) |
คือยาม |
สาม |
เวลา |
๑๐.๓๐ น. |
ถึง |
๑๒.๐๐ น. |
เป็นยาม |
จันเทา |
(๒) |
คือยาม |
สี่ |
เวลา |
๑๒.๐๐ น. |
ถึง |
๑๓.๓๐ น. |
เป็นยาม |
เสาร์ |
(๗) |
คือยาม |
ห้า |
เวลา |
๑๓.๓๐ น. |
ถึง |
๑๕.๐๐ น. |
เป็นยาม |
ครู |
(๕) |
คือยาม |
หก |
เวลา |
๑๕.๐๐ น. |
ถึง |
๑๖.๓๐ น. |
เป็นยาม |
ภุมมะ |
(๓) |
คือยาม |
เจ็ด |
เวลา |
๑๖.๓๐ น. |
ถึง |
๑๘.๐๐ น. |
เป็นยาม |
สุวิชะ |
(๑) |
คือยาม |
แปด |
วันจันทร์
เวลา |
๐๖.๐๐ น. |
ถึง |
๐๗.๓๐ น. |
เป็นยาม |
จันเทา |
(๒) |
คือยาม |
แรก หรือยามหนึ่ง |
เวลา |
๐๗.๓๐ น. |
ถึง |
๐๙.๐๐ น. |
เป็นยาม |
เสาร์ |
(๗) |
คือยาม |
สอง |
เวลา |
๐๙.๐๐ น. |
ถึง |
๑๐.๓๐ น. |
เป็นยาม |
ครู |
(๕) |
คือยาม |
สาม |
เวลา |
๑๐.๓๐ น. |
ถึง |
๑๒.๐๐ น. |
เป็นยาม |
ภุมมะ |
(๓) |
คือยาม |
สี่ |
เวลา |
๑๒.๐๐ น. |
ถึง |
๑๓.๓๐ น. |
เป็นยาม |
สุวิชะ |
(๑) |
คือยาม |
ห้า |
เวลา |
๑๓.๓๐ น. |
ถึง |
๑๕.๐๐ น. |
เป็นยาม |
ศุกระ |
(๖) |
คือยาม |
หก |
เวลา |
๑๕.๐๐ น. |
ถึง |
๑๖.๓๐ น. |
เป็นยาม |
พุธ |
(๔) |
คือยาม |
เจ็ด |
เวลา |
๑๖.๓๐ น. |
ถึง |
๑๘.๐๐ น. |
เป็นยาม |
จันเทา |
(๒) |
คือยาม |
แปด |
วันอังคาร
เวลา |
๐๖.๐๐ น. |
ถึง |
๐๗.๓๐ น. |
เป็นยาม |
ภุมมะ |
(๓) |
คือยาม |
แรก หรือยามหนึ่ง |
เวลา |
๐๗.๓๐ น. |
ถึง |
๐๙.๐๐ น. |
เป็นยาม |
สุวิชะ |
(๒) |
คือยาม |
สอง |
เวลา |
๐๙.๐๐ น. |
ถึง |
๑๐.๓๐ น. |
เป็นยาม |
ศุกระ |
(๖) |
คือยาม |
สาม |
เวลา |
๑๐.๓๐ น. |
ถึง |
๑๒.๐๐ น. |
เป็นยาม |
พุธ |
(๔) |
คือยาม |
สี่ |
เวลา |
๑๒.๐๐ น. |
ถึง |
๑๓.๓๐ น. |
เป็นยาม |
จันเทา |
(๒ |
คือยาม |
ห้า |
เวลา |
๑๓.๓๐ น. |
ถึง |
๑๕.๐๐ น. |
เป็นยาม |
เสาร์ |
(๗) |
คือยาม |
หก |
เวลา |
๑๕.๐๐ น. |
ถึง |
๑๖.๓๐ น. |
เป็นยาม |
ครู |
(๕) |
คือยาม |
เจ็ด |
เวลา |
๑๖.๓๐ น. |
ถึง |
๑๘.๐๐ น. |
เป็นยาม |
ภุมมะ |
(๓) |
คือยาม |
แปด |
วันพุธ
เวลา |
๐๖.๐๐ น. |
ถึง |
๐๗.๓๐ น. |
เป็นยาม |
พุธ |
(๔) |
คือยาม |
แรกหรือยามหนึ่ง |
เวลา |
๐๗.๓๐ น. |
ถึง |
๐๙.๐๐ น. |
เป็นยาม |
จันเทา |
(๒) |
คือยาม |
สอง |
เวลา |
๐๙.๐๐ น. |
ถึง |
๑๐.๓๐ น. |
เป็นยาม |
เสาร์ |
(๗) |
คือยาม |
สาม |
เวลา |
๑๐.๓๐ น. |
ถึง |
๑๒.๐๐ น. |
เป็นยาม |
ครู |
(๕) |
คือยาม |
สี่ |
เวลา |
๑๒.๐๐ น. |
ถึง |
๑๓.๓๐ น. |
เป็นยาม |
ภุมมะ |
(๓) |
คือยาม |
ห้า |
เวลา |
๑๓.๓๐ น. |
ถึง |
๑๕.๐๐ น. |
เป็นยาม |
สุวิชะ |
(๑) |
คือยาม |
หก |
เวลา |
๑๕.๐๐ น. |
ถึง |
๑๖.๓๐ น. |
เป็นยาม |
ศุกระ |
(๖) |
คือยาม |
เจ็ด |
เวลา |
๑๖.๓๐ น. |
ถึง |
๑๘.๐๐ น. |
เป็นยาม |
พุธ |
(๔) |
คือยาม |
แปด |
วันพฤหัสบดี
เวลา |
๐๖.๐๐ น. |
ถึง |
๐๗.๓๐ น. |
เป็นยาม |
ครู |
(๕) |
คือยาม |
แรกหรือยามหนึ่ง |
เวลา |
๐๗.๓๐ น. |
ถึง |
๐๙.๐๐ น. |
เป็นยาม |
ภุมมะ |
(๓) |
คือยาม |
สอง |
เวลา |
๐๙.๐๐ น. |
ถึง |
๑๐.๓๐ น. |
เป็นยาม |
สุวิชะ |
(๑) |
คือยาม |
สาม |
เวลา |
๑๐.๓๐ น. |
ถึง |
๑๒.๐๐ น. |
เป็นยาม |
ศุกระ |
(๖) |
คือยาม |
สี่ |
เวลา |
๑๒.๐๐ น. |
ถึง |
๑๓.๓๐ น. |
เป็นยาม |
พุธ |
(๔) |
คือยาม |
ห้า |
เวลา |
๑๓.๓๐ น. |
ถึง |
๑๕.๐๐ น. |
เป็นยาม |
จันเทา |
(๒) |
คือยาม |
หก |
เวลา |
๑๕.๐๐ น. |
ถึง |
๑๖.๓๐ น. |
เป็นยาม |
เสาร์ |
(๗) |
คือยาม |
เจ็ด |
เวลา |
๑๖.๓๐ น. |
ถึง |
๑๘.๐๐ น. |
เป็นยาม |
ครู |
(๕) |
คือยาม |
แปด |
วันศุกร์
เวลา |
๐๖.๐๐ น. |
ถึง |
๐๗.๓๐ น. |
เป็นยาม |
ศุกระ |
(๖) |
คือยาม |
แรก หรือยามหนึ่ง |
เวลา |
๐๗.๓๐ น. |
ถึง |
๐๙.๐๐ น. |
เป็นยาม |
พุธ |
(๔) |
คือยาม |
สอง |
เวลา |
๐๙.๐๐ น. |
ถึง |
๑๐.๓๐ น. |
เป็นยาม |
จันเทา |
(๒) |
คือยาม |
สาม |
เวลา |
๑๐.๓๐ น. |
ถึง |
๑๒.๐๐ น. |
เป็นยาม |
สาร์ |
(๗) |
คือยาม |
สี่ |
เวลา |
๑๒.๐๐ น. |
ถึง |
๑๓.๓๐ น. |
เป็นยาม |
ครู |
(๕) |
คือยาม |
ห้า |
เวลา |
๑๓.๓๐ น. |
ถึง |
๑๕.๐๐ น. |
เป็นยาม |
ภุมมะ |
(๓) |
คือยาม |
หก |
เวลา |
๑๕.๐๐ น. |
ถึง |
๑๖.๓๐ น. |
เป็นยาม |
เสุวิชะ |
(๑) |
คือยาม |
เจ็ด |
เวลา |
๑๖.๓๐ น. |
ถึง |
๑๘.๐๐ น. |
เป็นยาม |
ศุกระ |
(๖) |
คือยาม |
แปด |
วันเสาร์
เวลา |
๐๖.๐๐ น. |
ถึง |
๐๗.๓๐ น. |
เป็นยาม |
เสาร์ |
(๗) |
คือยาม |
แรก หรือยามหนึ่ง |
เวลา |
๐๗.๓๐ น. |
ถึง |
๐๙.๐๐ น. |
เป็นยาม |
ครู |
(๕) |
คือยาม |
สอง |
เวลา |
๐๙.๐๐ น. |
ถึง |
๑๐.๓๐ น. |
เป็นยาม |
ภุมมะ |
(๓) |
คือยาม |
สาม |
เวลา |
๑๐.๓๐ น. |
ถึง |
๑๒.๐๐ น. |
เป็นยาม |
สุวิชะ |
(๑) |
คือยาม |
สี่ |
เวลา |
๑๒.๐๐ น. |
ถึง |
๑๓.๓๐ น. |
เป็นยาม |
ศุกระ |
(๖) |
คือยาม |
ห้า |
เวลา |
๑๓.๓๐ น. |
ถึง |
๑๕.๐๐ น. |
เป็นยาม |
พุธ |
(๔) |
คือยาม |
หก |
เวลา |
๑๕.๐๐ น. |
ถึง |
๑๖.๓๐ น. |
เป็นยาม |
จันเทา |
(๒) |
คือยาม |
เจ็ด |
เวลา |
๑๖.๓๐ น. |
ถึง |
๑๘.๐๐ น. |
เป็นยาม |
เสาร์ |
(๗) |
คือยาม |
แปด |
ยามกลางคืน การนับยามกลางคืน ต้องเปลี่ยนวิธีนับใหม่ ไม่เหมือนยามกลางวัน คือเริ่มต้นด้วย ระวิ (๑) ชีโว (๕) ศะศิ (๒) ภุมโม (๓) โสโร (๗) พุโธ (๔) และระวิ (๑)
วันอาทิตย์
เวลา |
๐๘.๐๐ น. |
ถึง |
๑๙.๓๐ น. |
เป็นยาม |
ระวิ |
(๑) |
คือยาม |
หนึ่ง |
เวลา |
๑๙.๓๐ น. |
ถึง |
๒๑.๐๐ น. |
เป็นยาม |
ชีโว |
(๕) |
คือยาม |
สอง |
เวลา |
๒๑.๐๐ น. |
ถึง |
๒๒.๓๐ น. |
เป็นยาม |
ศะศิ |
(๒) |
คือยาม |
สาม |
เวลา |
๒๒.๓๐ น. |
ถึง |
๒๔.๐๐ น. |
เป็นยาม |
ศุกโร |
(๖) |
คือยาม |
สี่ |
เวลา |
๒๔.๐๐ น. |
ถึง |
๐๑.๓๐ น. |
เป็นยาม |
ภุมโม |
(๓) |
คือยาม |
ห้า |
เวลา |
๐๑.๓๐ น. |
ถึง |
๐๓.๐๐ น. |
เป็นยาม |
โสโร |
(๗) |
คือยาม |
หก |
เวลา |
๐๓.๐๐ น. |
ถึง |
๐๔.๓๐ น. |
เป็นยาม |
พุโธ |
(๔) |
คือยาม |
เจ็ด |
เวลา |
๐๔.๓๐ น. |
ถึง |
๐๖.๐๐ น. |
เป็นยาม |
ระวิ |
(๑) |
คือยาม |
แปด |
วันจันทร์ ยามหนึ่งเป็นยาม ศะศิ (๒) ยามสองเป็นยาม ศุกโร (๖) ยามสามเป็นยาม ภุมโม (๓) ยามสี่เป็นยาม โสโร (๗) ยามห้าเป็นยาม พุโธ (๔) ยามหกเป็นยาม ระวิ (๑) ยามเจ็ดเป็นยาม ชีโว (๕) ยามแปดเป็นยาม ศะศิ (๒)
วันอังคาร ยามหนึ่งเป็นยาม ภุมโม (๓) ยามสองเป็นยาม โสโร (๗) ยามสามเป็นยาม พุโธ (๔) ยามสี่เป็นยาม ระวิ (๑) ยามห้าเป็นยาม ชีโว (๕) ยากหกเป็นยาม ศะศิ (๒) ยามเจ็ดเป็นยาม ศุกโร (๖) ยามแปดเป็นยาม ภุมโม (๓)
วันพุธ ยามหนึ่งเป็นยาม พุโธ (๔) ยามสองเป็นยาม ระวิ (๑) ยามสามเป็นยาม ชีโว (๕) ยามสี่เป็นยาม ศะศิ (๒) ยามห้าเป็นยาม ศุกโร (๖) ยามหกเป็นยาม ภุมโม (๓) ยามเจ็ดเป็นยาม โสโร (๗) ยามแปดเป็นยาม พุโธ (๔)
วันพฤหัสบดี ยามหนึ่งเป็นยามชีโว (๕) ยามสองเป็นยาม ศะศิ (๒) ยามสามเป็นยาม ศุกโร (๖) ยามสี่เป็นยาม ภุมโม (๓) ยามห้าเป็นยาม โสโร (๙) ยามหกเป็นยาม พุโธ (๔) ยามเจ็ดเป็นยาม ระวิ (๑) ยามแปดเป็นยาม ชีโว (๕)
วันศุกระ ยามหนึ่งเป็นยาม ศุกโร (๖) ยามสองเป็นยาม ภุมโม (๓) ยามสามเป็นยาม โสโร (๗) ยามสี่เป็นยาม พุโธ (๔)
ยามห้าเป็นยาม ระวิ (๑) ยามหกเป็นยาม ชีโว (๕) ยามเจ็ดเป็นยาม ศะศิ (๒) ยามแปดเป็นยาม ศุกโร (๖)
วันเสาร์ ยามหนึ่งเป็นยาม โสโร (๗) ยามสองเป็นยาม พุโธ (พุธ) ยามสามเป็นยาม ระวิ (๑) ยามสี่เป็นยาม ชีโว (๕) ยามห้าเป็นยาม ศะศิ (๒) ยามหกเป็นยาม ศุกโร (๖) ยามเจ็ดเป็นยาม ภุมโม (๓) ยามแปดเป็นยาม โสโร (๗)
การนับยามตามห้วงเวลาในรอบ ๒๔ ชั่วโมง ของแต่ละวัน
เวลา |
ยาม |
อาทิตย์ |
จันทร์ |
อาคาร |
พุธ |
พฤหัสบดี |
ศุกร์ |
เสาร์ |
หมายเหตุ |
๐๖๐๐ - ๐๗๓๐ |
๑ |
๑ |
๒ |
๓ |
๔ |
๕ |
๖ |
๗ |
ยามกลางวัน |
๐๗๐๐ - ๐๙๐๐ |
๒ |
๖ |
๗ |
๑ |
๒ |
๓ |
๔ |
๕ |
ยามกลางวัน |
๐๙๐๐ - ๑๐๓๐ |
๓ |
๔ |
๕ |
๖ |
๗ |
๑ |
๒ |
๓ |
ยามกลางวัน |
๑๐๓๐ - ๑๒๐๐ |
๔ |
๒ |
๓ |
๔ |
๕ |
๖ |
๗ |
๑ |
ยามกลางวัน |
๑๒๐๐ - ๑๓๓๐ |
๕ |
๗ |
๑ |
๒ |
๓ |
๔ |
๕ |
๖ |
ยามกลางวัน |
๑๓๓๐ - ๑๕๐๐ |
๖ |
๕ |
๖ |
๗ |
๑ |
๒ |
๓ |
๔ |
ยามกลางวัน |
๑๕๐๐ - ๑๖๓๐ |
๗ |
๓ |
๔ |
๕ |
๖ |
๗ |
๑ |
๒ |
ยามกลางวัน |
๑๖๓๐ - ๑๘๐๐ |
๘ |
๑ |
๒ |
๓ |
๔ |
๕ |
๖ |
๗ |
ยามกลางวัน |
๑๘๐๐ - ๑๙๓๐ |
๑ |
๑ |
๒ |
๓ |
๔ |
๕ |
๖ |
๗ |
ยามกลางคืน |
๑๙๓๐ - ๒๑๐๐ |
๒ |
๕ |
๖ |
๗ |
๑ |
๒ |
๓ |
๔ |
ยามกลางคืน |
๒๑๐๐ - ๒๒๓๐ |
๓ |
๒ |
๓ |
๔ |
๕ |
๖ |
๗ |
๑ |
ยามกลางคืน |
๒๒๓๐ - ๒๔๐๐ |
๔ |
๖ |
๗ |
๑ |
๒ |
๓ |
๔ |
๕ |
ยามกลางคืน |
๒๔๐๐ - ๐๑๓๐ |
๕ |
๓ |
๔ |
๕ |
๖ |
๗ |
๑ |
๒ |
ยามกลางคืน |
๐๑๓๐ - ๐๓๐๐ |
๖ |
๗ |
๑ |
๒ |
๓ |
๔ |
๕ |
๖ |
ยามกลางคืน |
๐๓๐๐ - ๐๔๓๐ |
๗ |
๔ |
๕ |
๖ |
๗ |
๑ |
๒ |
๓ |
ยามกลางคืน |
๑๔๓๐ - ๐๖๐๐ |
๘ |
๑ |
๒ |
๓ |
๔ |
๕ |
๖ |
๗ |
ยามกลางคืน |
|
|
|
การนับยามตามห้วงเวลาในรอบ ๒๔ ชั่วโมง ของแต่ละวัน
เวลา |
ยาม |
อาทิตย์ |
จันทร์ |
อาคาร |
พุธ |
พฤหัสบดี |
ศุกร์ |
เสาร์ |
หมายเหตุ |
๐๖๐๐ - ๐๗๓๐ |
๑ |
๑ |
๒ |
๓ |
๔ |
๕ |
๖ |
๗ |
ยามกลางวัน |
๐๗๐๐ - ๐๙๐๐ |
๒ |
๖ |
๗ |
๑ |
๒ |
๓ |
๔ |
๕ |
ยามกลางวัน |
๐๙๐๐ - ๑๐๓๐ |
๓ |
๔ |
๕ |
๖ |
๗ |
๑ |
๒ |
๓ |
ยามกลางวัน |
๑๐๓๐ - ๑๒๐๐ |
๔ |
๒ |
๓ |
๔ |
๕ |
๖ |
๗ |
๑ |
ยามกลางวัน |
๑๒๐๐ - ๑๓๓๐ |
๕ |
๗ |
๑ |
๒ |
๓ |
๔ |
๕ |
๖ |
ยามกลางวัน |
๑๓๓๐ - ๑๕๐๐ |
๖ |
๕ |
๖ |
๗ |
๑ |
๒ |
๓ |
๔ |
ยามกลางวัน |
๑๕๐๐ - ๑๖๓๐ |
๗ |
๓ |
๔ |
๕ |
๖ |
๗ |
๑ |
๒ |
ยามกลางวัน |
๑๖๓๐ - ๑๘๐๐ |
๘ |
๑ |
๒ |
๓ |
๔ |
๕ |
๖ |
๗ |
ยามกลางวัน |
๑๘๐๐ - ๑๙๓๐ |
๑ |
๑ |
๒ |
๓ |
๔ |
๕ |
๖ |
๗ |
ยามกลางคืน |
๑๙๓๐ - ๒๑๐๐ |
๒ |
๕ |
๖ |
๗ |
๑ |
๒ |
๓ |
๔ |
ยามกลางคืน |
๒๑๐๐ - ๒๒๓๐ |
๓ |
๒ |
๓ |
๔ |
๕ |
๖ |
๗ |
๑ |
ยามกลางคืน |
๒๒๓๐ - ๒๔๐๐ |
๔ |
๖ |
๗ |
๑ |
๒ |
๓ |
๔ |
๕ |
ยามกลางคืน |
๒๔๐๐ - ๐๑๓๐ |
๕ |
๓ |
๔ |
๕ |
๖ |
๗ |
๑ |
๒ |
ยามกลางคืน |
๐๑๓๐ - ๐๓๐๐ |
๖ |
๗ |
๑ |
๒ |
๓ |
๔ |
๕ |
๖ |
ยามกลางคืน |
๐๓๐๐ - ๐๔๓๐ |
๗ |
๔ |
๕ |
๖ |
๗ |
๑ |
๒ |
๓ |
ยามกลางคืน |
๑๔๓๐ - ๐๖๐๐ |
๘ |
๑ |
๒ |
๓ |
๔ |
๕ |
๖ |
๗ |
ยามกลางคืน |
ทายยามตกฟาก
ทายยามตกฟากกลางวัน
คนเกิดวันอาทิตย์
สิทธิการิยะ ผู้ใดเกิดวันอาทิตย์ได้ยาม ๑ ผู้ที่เกิดมานั้นมิได้อยู่ที่เกิด พ่อแม่เลี้ยงมิได้ มีผู้ขอไปเลี้ยง จะมีความรู้และมีปัญญามาก เล่าเรียนสิ่งใดได้สมดังใจทุกสิ่งทุกอย่าง แต่มีศัตรูเบียดเบียน มีลูกเลี้ยงยาก ต้องให้ผู้อื่นผูกข้อมือเอาไปเป็นลูกเสียก่อน จึงจะเลี้ยงได้ เมื่อแรกเกิดมีรกพันคอออกมา มีไฝปาน ความรู้ดี มีตบะเดชะ จะได้เป็นใหญ่ ถ้าเป็นหญิงจะได้เป็นเมียมนตรี
ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ได้ยาม ๒ ผู้เกิดมานั้น มิได้อยู่ในที่เกิด และมิได้อยู่กับพ่อแม่ เลี้ยงยากนัก เมื่อเกิดมานั้นข้าวของหาย พ่อแม่เกิดความ และต้องขื่อคาโซ่ตรวน เพราะเขาใส่ความเอา เพราะว่าพ่อแม่ทำไม่ดี เมื่อน้อยอาภัพและไร้ญาติ หาที่พึ่งมิได้ แล
ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ได้ยาม ๓ ผู้นั้นจะเป็นโจรลักวัวควาย มักมีถ้อยความมาก มักพาให้พี่น้องลำบากต้องขื่อคา มักบังเกิดพยาธิโรค มักเป็นศัตรูแก่พี่น้อง มักเบียดเบียนญาติ มิเข้ากับพี่กับน้อง พ่อแม่ย่อมขัดใจ ท้าวพระยาทำโทษแก่ตน แต่ว่าจะได้เป็นนายงาน จะได้ยากเพราะบ่าว จะได้เป็นใหญ่กว่าคนทั้งหลาย แล
ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ได้ยาม ๔ ผู้ที่เกิดมานั้นขี้ขลาดตาเหลือง มักเป็นนักเลง พ่อแม่ว่ามิเอาถ้อยคำ มักคบเพื่อนเป็นโจร
ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ได้ยาม ๕ ผู้ที่เกิดมานั้นรู้หลักนักปราชญ์ และมีปัญญามาก จะเป็นครูแก่ท่าน แม้อาศัยอยู่สถานที่ใด ๆ ก็ดี จะได้เป็นใหญ่ในที่นั้น เมื่อเกิดรกพันคอออกมา ผู้นั้นมีอัชฌาสัยมาก มิรู้ยากเลย ผู้นั้นมีไฝในร่มผ้าข้างขวา แลมีปาน จะได้ดี มีมิตรสหาย มิซื่อตรงต่อแต่ใจใหญ่ ขุนนางมักรัก มียศฐาบรรดาศักดิ์มาก มีคนรักมาก มีมิตรสหายมาก แล
ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ได้ยาม ๖ ผู้นั้นจะมีมิตรสหายมาก เมื่ออายุ ๖ ขวบ ตกน้ำทีหนึ่ง ถ้ามิดังนั้นจะตกต้นไม้ ผู้นั้นมีปัญญามาก เมื่อเกิดมามีผู้เอาเงินและทองมาผูกข้อมือ จะได้ลาภพัสดุต่าง ๆ เมื่อแรกเกิดนั้นมีเหตุทุ่มเถียงกัน ครั้นเกิดมาแล้วคนเอาข้าวของมาเยี่ยมเยียนให้ และของอันไม่เคยมีก็ได้มา เมื่อได้สามขวบ จากที่อยู่ครั้งหนึ่ง ครั้นแล้วก็คืนมาอยู่ที่เก่าอีกแล
ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ได้ยาม ๗ ผู้เกิดมานั้นพี่น้องเลี้ยงมิได้ เมื่อเกิดมานั้นรกพันคอออกมา และไต่คลานออกมา ผู้นั้นใจแข็ง พ่อแม่เลี้ยงมิได้ ชอบให้ผู้อื่นเลี้ยง เมื่อเกิดพ่อมิได้อยู่ เกิดแล้วได้เจ็ดวันพ่อแม่หย่ากัน ผู้เกิดมานั้นทำให้พ่อแม่อาภัพเกิดภัยต่าง ๆ ในเดือนที่เกิดนั้นเรือนหัก หลังคาไฟไหม้ แม่นั้นตกใจแทบตาย แล
ถ้าเกิดวันอาทิตย์ ได้ยาม ๑ (ใกล้ค่ำ) ผู้เกิดมานั้น มิได้อยู่ที่เกิดๆ นั้นสูญแล้ว พ่อแม่จะเลี้ยงมิได้ มีผู้ขอเอาไปเลี้ยง จะมีความรู้หลักแหลม มีปัญญารู้การช่างทุกอย่าง แต่ว่ามีทุกข์มาก ศัตรูมักจะเบียดเบียน มีลูกถ้าจะเลี้ยงให้ท่านผู้อื่นผูกข้อมือเอาเป็นลูกก่อน เมื่อเกิดรกพันคอออกมา อนึ่งมีไฝปาน ประกอบด้วยความรู้ มีตบะเดชะ จะได้เป็นใหญ่กว่าคนทั้งหลาย แล
คนเกิดวันจันทร์
ผู้ที่เกิดวันจันทร์ได้ยาม ๑ ผู้ที่เกิดมานั้นจะตายแต่น้อย หรือมิฉะนั้นจะเลี้ยงยาก ต้องให้ท่านผู้อื่นเอาไปเลี้ยงจึงจะดี แต่ว่าอาภัพเป็นคนทุรพาล หาข้าวของเงินทอง และอาหารเลี้ยงตัวเป็นอันยากนัก และท่านไม่สมาคมด้วย พ่อแม่พี่น้องว่าไม่เชื่อ เป็นคนทรลักษณ์อัปรี ใจกล้าหน้าแข็ง เป็นคนสั่งสอนมิเอาถ้อยคำ ปู่ ย่า ตา ยาย เชื่อแต่ใจตัวเอง แต่ว่าเจรจาดี มีปัญญา นานไปจะได้ความรู้ ๖ ประการ ครองตัวได้ แล
ผู้ที่เกิดวันจันทร์ได้ยาม ๒ ผู้นั้นเกิดมารหกระเหิน จะได้รับความลำบากแต่น้อย ๆ ไป ครั้นใหญ่มาหากินจึงจะดี จะไปได้ดีที่อื่น จึงค่อยมีสมบัติบริบูรณ์ ตัวนั้นมีลักษณะในฝ่าตีน เมื่อแก่ว่ามีความรู้อยู่แก่ตัว จะได้ปกครองน้อง ญาติทั้งหลายจะได้พึ่ง แต่ว่าใจเร็วรับปากแล้วพลันหาย รู้ถ้อยความเป็นที่ชอบใจแก่ขุนนาง คนทั้งหลายมักยกย่องให้เป็นใหญ่ คนจะชมแต่อาภัพทำคุณแก่ท่านมิทำตอบ แล
ผู้ที่เกิดวันจันทร์ได้ยาม ๓ ผู้เกิดมานั้นอาภัพ จะมีผู้ให้ตายแต่น้อย มีผู้เพียรจะใส่ยาเมาให้กิน และไฟจะไหม้ ศัตรูจะทำร้าย อายุได้เจ็ดขวบท่านขอไปเลี้ยง แล้วจากกัน จะมาอยู่ที่เกิดตนอีก จะได้ส่งสินผู้เลี้ยงนั้น จะได้ดีเมื่อภายหลังแล
ผู้ที่เกิดวันจันทร์ได้ยาม ๔ ผู้เกิดมานั้นพ่อแม่ตายแต่น้อย เป็นกำพร้า แต่จะมีบุญ และรู้หลักนักปราชญ์ จะได้ทรัพย์ของผู้เฒ่าผู้แก่ จะได้พึงทรัพย์ของท่านมาก จะมีข้าหญิงชาย วัวควาย พี้น้องจะได้พึ่ง แต่ว่ามีศัตรูมาก เมื่อเกิดรกพันคอออกมา ถ้ามิฉะนั้นออกมาจะตายด้าน จะตายแต่น้อย แล
ผู้ที่เกิดวันจันทร์ได้ยาม ๕ ผู้ที่เกิดมานั้นท่านผู้อื่นมาผูกข้อมือเอาแต่อยู่ในท้อง ครั้นเกิดมาแล้วท่านจะเอาไปเป็นลูก จะได้ทรัพย์สมบัติมาก มีช้างม้าข้าคน ขุนนางจะให้รางวัลผ้าผ่อน พ่อแม่จะได้พึ่ง มีลักษณะอันดี และท่านผู้นั้นเทพนิมนต์มาเกิด จะมีทรัพย์อันประเสริฐ และมีมรรยาทดี มิได้อดอาหาร แล
ผู้ที่เกิดวันจันทร์ได้ยาม ๖ ผู้ที่เกิดมานั้นเป็นไข้ปางตาย ถ้ามิเป็นดังนี้ไซร้ ว่ามีผู้อื่นตายต่างในเรือนนั้น คือพี่น้อง เพราะเขาทำกรรมไว้แต่ปางก่อน และตาย เพราะผู้นั้นชาตาแข็ง พ่อแม่เลี้ยงมิได้ แต่ว่ามีความสำคัญอยู่ในตัว ผู้นั้นจะมีความรู้ แล
ผู้ที่เกิดวันจันทร์ได้ยาม ๗ ผู้เกิดมานั้นได้ความลำบากยากนัก เมื่อเกิดมาเขาเอาไปทิ้งเสีย และพ่อแม่อาภัพอับลาภ ผู้ที่เกิดมานั้นเป็นคนอาภัพแต่เมื่อน้อย ครั้นโตใหญ่มาจึงจะได้ดี เพราะได้ของผู้เฒ่าผู้แก่ ผู้อื่นเอาไปเลี้ยงไว้จึงมีทรัพย์ข้าวของ จะได้ดีเมื่อภายหลังแต่มีศัตรูมากมาก และท่านจะเอาโทษ เมื่อเกิดมารกพันคอ หาไม่ไต่คลานออกมา และมีแผลข้างซ้ายอันดี พ่อแม่เลี้ยงเห็นจะตาย ให้ท่านผู้อื่นไปเลี้ยงเห็นจะดี แล
ถ้าเกิดวันจันทร์ได้ยาม ๒ (ใกล้ค่ำ) ผู้เกิดมานั้น จะได้ทรัพย์ข้างของแต่ผู้เฒ่าผู้แก่ จะได้แทนที่ผู้เฒ่าผู้แก่ จึงจะอยู่ด้วยพ่อแม่ไม่ได้
ผู้ที่เกิดวันอังคาร
ผู้ที่เกิดวันอังคารได้ยาม ๑ ผู้เกิดมานั้น จะมีข้าทาส ช้าง ม้า วัว ควาย ทรัพย์สินข้าวของเงินทอง พี้น้องจะได้พึ่ง และจะได้ดีกว่าพี่น้องทั้งหลาย จะมีความรู้มาก รู้การทุกอย่าง และจะได้เป็นใหญ่กว่าพี่น้องทั้งหลาย ชาตาผู้นั้นมิรู้ยาก และมิรู้ขาดอาหารเลย แล
ผู้ที่เกิดวันอังคารได้ยาม ๒ ผู้เกิดมานั้นใจแข็ง จะทำร้ายพ่อแม่ หาถ้อยความให้พ่อแม่ ผู้นั้นกินเหล้าเล่นเบี้ย พ่อแม่สั่งสอนมิเอาถ้อยความ เป็นนักเลงเล่นเบี้ยเล่นไก่ และมิได้อยู่ด้วยพ่อแม่ มักมากชู้หลายเมีย และเป็นคนหน้าด้านไม่มีอาย เป็นคนมักถือตัวว่ารู้แต่ผู้เดียว ครั้นมีคนขัดคอ มักตอบเถียง ตามใจตัวเอง แล
ผู้ที่เกิดวันอังคารได้ยาม ๓ ผู้เกิดมานั้นฉลาดแต่ขี้ขลาด ตาสูง น่าชังมาก ดีแต่ว่าร้องไห้หายเร็ว และมีความโอบอุ้ม พี่น้องทั้งหลายจะได้พึ่ง แต่ว่าญาติข้างพ่อมิเอาใจใส่ แต่ว่ามักคิดให้ เมื่อปางจะได้จะมีนั้นมีความคิดดี มิตกยาก มียศศักดิ์ จะมีทรัพย์และมีคนรักใคร่มาก แล
ผู้ที่เกิดวันอังคารได้ยาม ๔ ผู้เกิดมานั้น พ่อแม่เดือดร้อนใจ และชักแช่งเกิดถ้อยความ จากไปที่ไกลแล้วจึงคืนมา ต่อไปภายหน้าจึงจะดี เมื่อเกิดมานั้นอาภัพกว่าคนทั้งหลาย แล
ผู้ที่เกิดวันอังคารได้ยาม ๕ ผู้เกิดมานั้นพ่อตายแต่น้อย เป็นกำพร้าพ่อ และมีผู้เอาไปเลี้ยง ใจแข็งกว่าคนทั้งหลาย มักกินเหล้าเมามาย จะทำลายแก่พ่อแม่ คนอื่นสอนมิเอาคำ เป็นนักเลง ตั้งแต่ออกมาแล้วแหวนหาย ถ้าเป็นข้าชอบทำการอาสา ท้าวพระยาจะให้ความชอบใส่ตัว ไปเบื้องหน้าจะมียศฐาบรรดาศักดิ์ ปรารถนาสิ่งใดจะได้ดังใจ แล
ผู้ที่เกิดวันอังคารได้ยาม ๖ ผู้เกิดมานั้นดี จะมีทรัพย์ ข้างของเงินทองและข้าคนมาก ทั้งใจก็ดี แต่ว่าเป็นทุกข์ เพราะพ่อจะเบียนลูกเอง และมิได้อยู่ด้วยพ่อ นานไปเมื่อหน้าจะเป็นศัตรูกัน ไปเมื่อหน้าจะได้ดี แต่ว่าปากนั้นประดุจหอกดาบ จะมีฤทธิ์อานุภาพ และจะสมบูรณ์ ไปเมื่อหน้าจะเจ็บ ทำคุณท่าน ท่านรู้คุณแต่น้อย
ผู้ที่เกิดวันอังคารได้ยาม ๗ ผู้เกิดมานั้นย่อมผลาญทรัพย์ พ่อแม่ให้ฉิบหาย พ่อแม่สอนมิได้เอาถ้อยคำ เป็นนักเลงเล่นเบี้ยเล่นการพนัน ครั้นมีคนว่าทำเป็นร้องไห้ ว่าดีเป็นร้ายว่าร้ายเป็นดี พ่อแม่เลี้ยงมิได้ เพราะชาตาผู้นั้นแข็ง พ่อแม่มิสบอารมณ์ บังเกิดมิสมควรด้วยพ่อแม่ เมื่อเกิดผู้นั้นรกพันคอออกมา ถ้ามิดังนั้นตายด้านออกมา แต่น้อยพ่อแม่มักมีเหตุการณ์ต่าง ๆ แล
ถ้าเกิดวันอังคารได้ยาม ๓ (ใกล้ค่ำ) ผู้เกิดมานั้น มีความกล้าหาญกว่าคนทั้งหลาย จะมีบริวารเป็นอันมาก จะมีข้าทาส วัวควาย ช้างม้า ผ้าผ่อน และแก้วแหวนเงินทอง และจะได้ทรัพย์ผู้เฒ่าผู้แก่ ปู่ย่า ตายาย และจะได้เป็นใหญ่กว่าพี่น้อง และญาติมิตรทั้งหลาย ผู้นั้นมีรกพันคอออกมา และมีลักษณะข้างซ้าย มีคงกะพันมาแต่ในท้อง แต่ว่าจะดีด้วยพ่อ แต่ว่าพ่อนั้นมิได้อยู่ด้วยแล
คนเกิดวันพุธ
ผู้ที่เกิดวันพุธได้ยาม ๑ ผู้เกิดมานั้น จะตายแต่น้อยทีหนึ่ง ถ้ามิตาย เป็นหญิงจะได้เป็นอัครมเหสี ถ้าเป็นชายจะได้เป็นมนตรีผู้ใหญ่ จะมีทรัพย์สมบัติมากมาย มีช้าง ม้า วัว ควาย ยวดยานคานหาม เป็นช่างได้ทุกอย่าง มิได้ลำบาก มีไฝ ประกอบด้วยความรู้ ผู้นั้นมิได้ยากจน เป็นผู้มีความรู้นัก แล
ผู้ที่เกิดวันพุธได้ยาม ๒ ผู้เกิดมานั้นจะได้บริวารมากมาย มีช้าง ม้า วัว ควาย ยวดยานคานหาม และทรัพย์สินข้าวของเงินเป็นอันมาก จะเป็นผู้มีความรู้ และรู้หลัก รู้ธรรมดี และย่อมจะได้ดังปรารถนา แล
ผู้ที่เกิดวันพุธได้ยาม ๓ ผู้เกิดมานั้นพ่อแม่ตายแต่น้อย มิฉะนั้นพ่อแม่จะจากกัน ที่เกิดอยู่ใกล้ป่า และป่าช้า จะมีภัยต่าง ๆ และจะได้รับความลำบากแต่น้อย ครั้นใหญ่มาจึงจะได้ดีเมื่อหน้า แล
ผู้ที่เกิดวันพุธได้ยาม ๔ ผู้เกิดมานั้นรู้ศิลปะ ธรรมะ จะได้เป็นครูแก่ท่านทั้งหลาย ท่านจะให้เป็นครูสั่งสอนแก่ท่าน และท่านผู้นั้นเทพยดานิมนต์มาเกิด เป็นผู้มีความรู้มาก และเป็นช่างทุกประการ เป็นผู้ที่รู้ถ้อยความดีนัก พ่อแม่พี้น้องจะได้พึ่ง เมื่อเกิดมานั้น มีคนผูกข้อมือเอาเป็นลูก ผูกด้วยเงินทองผ้าผ่อนมากมาย แล
ผู้ที่เกิดวันพุธได้ยาม ๕ ผู้เกิดมานั้นจะทรลักษณ์ข้างซ้าย และมิได้อยู่กับพ่อแม่ ชาตาแข็ง พ่อแม่เลี้ยงมิโต พ่อแม่เลี้ยงมิได้ ถ้าเลี้ยงพ่อแม่จะย่อยยับอัปรา และพ่อแม่จะจากกัน จะเกิดถ้อยความ และไฟจะไหม้บ้านไหม้เรือน โจรจะลักของ และตกยาก ครั้นเมื่อใหญ่จะได้ดี เมื่อแก่ มิถอย ผมสูง และตาเติบหรือตาตีบ พุงพลุ้ย เนื้อน้อย จะมีผู้คอยปองร้าย แล
ผู้ที่เกิดวันพุธได้ยาม ๖ ผู้เกิดมานั้น มีผู้เอาไปเลี้ยง จะได้ทรัพย์สินเงินทอง แก้วแหวน ช้าง ม้า ข้าคนมาก จะได้เครื่องบูชา และจะมีคนเอาของมาให้จากต่างเมือง เมื่อผู้นั้นเกิดมา มีรูปโฉมโนมพรรณอันดี ทั้งกิริยามารยาทก็ดี รู้หลักทุกประการ เป็นช่างทุกอย่าง ผู้นั้นมิรู้ขาดอาหารเลย แล
ผู้ที่เกิดวันพุธได้ยาม ๗ ผู้เกิดมานั้น ชาตาแข็ง พ่อแม่จะจากกัน มิดังนั้นก็จะหย่าร้างกัน จะตายแต่น้อย ถ้ามิตาย จะจากกัน จะเป็นความใหญ่ และท่านจะจองจำใส่ขื่อคาโซ่ตรวนผูกมัด และพ่อแม่จะเป็นทุกข์หนักแล เมื่อเกิดมานั้นรกพันคอออกมา และมีไฝปานข้างซ้าย ผู้นั้นใจแข็งกว่าคนทั้งปวง แล
ถ้าเกิดวันพุธได้ยาม ๔ (ใกล้ค่ำ) ผู้เกิดมานั้น จะทำให้พ่อแม่เสียทรัพย์ข้าวของเงินทอง พ่อแม่จวนจะตายทีหนึ่ง และผู้ที่เกิดมานั้น จวนจะตายทีหนึ่งแต่เมื่อน้อย แต่ว่าจะมีบุญเมื่อแก่ รู้ธรรม และจะเป็นครูแก่ท่านทั้งหลาย คนทั้งหลายจะได้พึ่งต่อไปภายภาคหน้าแล
คนเกิดวันพฤหัสบดี
ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดีได้ยาม ๑ ผู้เกิดมานั้น จะมีตบะเดชะ รู้ความทุกประการ ถ้าจะทำการสิ่งใด ย่อมต้องใจคนทุกเมื่อ ถ้าเป็นหญิง จะได้เป็นคุณจอมคุณท้าว ถ้าเป็นชายจะได้เป็นขุนหลวง ถ้ามิดังนั้นจะเป็นมหาเศรษฐี พี่น้องทั้งหลายจะได้พึ่ง จะได้เป็นเจ้านายแก่ท่าน ผู้นั้นจะเป็นผู้มั่นคง ท่านผู้นั้นจะมิได้รู้ถอยทรัพย์สมบัติเลย แล
ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดีได้ยาม ๒ ผู้เกิดมานั้น จะพบแต่ความลำบาก ท่านว่าจะพลัดพรากจากที่อยู่อาศัยสักสองหน แล้วจึงกลับคืนมาอยู่ที่เก่านั้นเล่า จะมีทรัพย์น้อยเบาบาง และอาหารก็น้อย อาภัพแต่เป็นคนกินง่าย นอนยาก ขี้คร้าน จะทำการใด ๆ ก็มิค่อยจะทำ ต้องให้ท่านจิกหัวใช้อยู่เรื่อย ๆ ขี้คร้านมากมาย ครั้นปู่ย่า ตายาย พ่อแม่ พี่น้องว่า ก็โกรธ ก็ยังมีอยู่มีกิน ตามใจตัวเอง และเป็นคนที่คบไม่ได้ เพราะคิดนอกใจ แล
ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดีได้ยาม ๓ ผู้เกิดมานั้น จะได้ปกครองแทนพ่อแม่ เป็นใหญ่แทนที่ขุนหลวง มีวัวควาย จะได้เป็นเศรษฐี และมีปัญญามาก จะมีข้าวของเงินทอง ช้างม้า ข้าทาส จะได้ทรัพย์ผู้เฒ่าผู้แก่ทั้งปวง ชาตาของบุคคลนั้นดีมาก จะมิรู้ถอย แล
ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดีได้ยาม ๔ ผู้เกิดมานั้นมิได้อยู่ในที่ที่เขาเกิด ะต้องจากไปในประเทศเขตแดนเมืองอื่น จะมีทรัพย์น้อย แต่ใจแกล้วกล้า ผู้อื่นสั่งสอนมิเอาถ้อยคำ ถือรั้นไปแต่คนเดียวตามลำพังใจตนเอง เป็นคนประพฤติมิดี มักเป็นชู้กับเมียเขาอื่น ตามใจตัวเองมาก จึงทำให้เสียคน เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เมื่อทำไปแล้วจึงรู้สึก เมื่อแก่ตัวจึงจะเห็นโทษ แล
ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดีได้ยาม ๕ ผู้เกิดมานั้น อยู่ในตระกูลอันดี จะได้เป็นใหญ่ และรู้ธรรมทั้งหลาย เมื่อเกิดจะเป็นครูแก่ท่าน เมื่อเกิดย่อมมียศ มีรถพันคอ ถ้าผู้หญิงดี ๆ ก็เกือบจะได้เป็นพระราชินีรูปงาม กิริยามารยาทดี มีพงษ์พันธุ์ มีไฝปานข้างขวา มีเงินทอง ช้างม้า วัวควาย ข้าคนจะได้ขี่ยวดยานคานหามบริบูรณ์ และจะมิรู้ขาดอาหาร แล
ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดีได้ยาม ๖ ผู้เกิดมานั้น จะมีชาตาดี แต่ว่ามิได้อยู่ด้วยบิดามารดา จะต้องไปต่างเมือง ศัตรูหมู่ปัจจามิตรมักเบียดเบียน แต่ถ้าผู้ใดมาเบียดเบียน ผู้นั้นจะฉิบหายวายวอดไปเองแล แต่ว่าต่อไป เมื่อจากไปอยู่เมืองไกลแล้ว ต่อไปในภายหน้า จึงจะกลับคืนมาสู่ที่อยู่เดิมได้ และจะได้ครอบครองที่นั้น ผู้นั้นมีรูปโฉมโนมพรรณงามดี แล
ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดีได้ยาม ๗ ผู้เกิดมานั้นใจคอห้าวหาญ ชอบการรบพุ่งกัน มากไปด้วยศัตรู จะเกิดถ้อยความตามตำรา จะเสียทรัพย์เสียสมบัติข้าวของ เป็นคนอาภัพ ทรัพย์ก็น้อย ครั้นเมื่อใหญ่จึงจะดี กล้าหาญชาญชัยกว่าคนทั้งหลาย และจะมีตบะเดชะ จะค่อยสมบูรณ์ไปเมื่อภายหน้า เมื่อหน้าพี่น้องญาติกาจะได้พึ่ง มีความรู้หลักแหลมมากนัก จะมีสติปัญญาดี มีไหวพริบดี มีสติปัญญา
ถ้าเกิดวันพฤหัสบดีได้ยาม ๕ (ใกล้ค่ำ) ผู้เกิดมานั้น จะมีชัยชนะแก่ข้าศึกศัตรู เป็นที่พึ่งพาแก่คนทั้งหลาย และเป็นผู้รู้หลักลักษณะทุกประการ และกล้าหาญ มีข้าวของ เงินทอง ช้างม้า วัวควาย ข้าทาสบริวารมากนักหนา เป็นที่ประชุมของคนทั้งหลาย พี่น้องจะได้พึ่ง เมื่อน้อยมีผู้ขอเอาไปเลี้ยง ถ้ามิยอมให้กับท่าน เติบใหญ่จะได้เป็นที่ขุนนางขุนหลวง และจะมียศถาบรรดาศักดิ์ คนทั้งหลายเกรงกลัวอำนาจแล
คนเกิดวันศุกร์
ถ้าเกิดคืนวันศุกร์ได้ยาม ๑ ผู้ที่เกิดมานั้น จะมีผู้นำเอาแก้วแหวนเงินทองมาให้ จะอุดมไปด้วยลาภสักการอย่างดี ๆ จะมีสุขบริบูรณ์ มิรู้ตกยากเลย อนึ่ง ต่อไปภายหน้า พ่อแม่จะเป็นทุกข์หนัก จะมีขุนนางเอาไปเลี้ยงไว้ พ่อแม่ก็จะได้พึ่งท่านผู้นั้นแล
ถ้าเกิดคืนวันศุกร์ได้ยาม ๒ ผู้ที่เกิดมานั้น จะพลัดพรากจากที่อยู่ที่กิน จะตกยากลำบากนัก ครั้นเมื่อเติบใหญ่ พ่อแม่จะเสียน้ำตา แต่ว่าผู้ใหญ่จะให้คุณ ต่อไปภายหน้าจะได้ดี จะมีข้าทาสช่วงใช้ จะมีคนคอยช่วยเหลือทั้งเงินข้าวของพัสดุต่าง ๆ แล
ถ้าเกิดคืนวันศุกร์ได้ยาม ๓ ผู้ที่เกิดมานั้น ต้องจากที่เกิดไปต่างเมืองไกลจึงจะดี จะมีคนช่วยทุกข์ และคิดอะไรจะได้ดังใจปรารถนาทุกประการ ผู้ที่เกิดมานั้นจะได้พึ่ง และต่อไปจะได้ดี จะทำการสิ่งใด ๆ ก็ดี ย่อมสำเร็จไปด้วยความคิด และทุกสิ่งทุกอย่างจะสมประสงค์ได้ด้วยความรู้ของตน แต่ว่าเป็นคนอาภัพนักแล
ถ้าเกิดคืนวันศุกร์ได้ยาม ๔ ผู้ที่เกิดมานั้น จะมีแก้วแหวนเงินทอง ช้างม้า ข้าคน จะมีคนนำเอามาให้จากเมืองไกล และจะได้ทรัพย์สินมรดกจากญาติผู้ใหญ่เป็นอันมากแล
ถ้าเกิดคืนวันศุกร์ได้ยาม ๕ ผู้ที่เกิดมานั้น จะได้รับความยากลำบาก เพราะมีโรคเบียดเบียนบีฑาแต่เมื่อน้อย แต่ว่ามีคนคอยช่วยเหลือ เมื่อน้อยมีผู้ขอเอาไปเลี้ยง ต่อไปภายหน้าจะมีเงินทองข้าวของ จะได้เป็นขุนนางท้าวพระยาแทนที่ผู้เฒ่าผู้แก่ จะมีความสุขบริบูรณ์กว่าคนทั้งหลายแล
ถ้าเกิดคืนวันศุกร์ได้ยาม ๖ ผู้ที่เกิดมานั้น เกิดมาในพงษ์พันธุ์ที่มีชื่อเสียง มีความสุขสบายกว่าคนทั้งหลาย จะมีทรัพย์สินเงินทอง ข้าทาสชายหญิงเป็นอันมาก จะได้ขึ้นคานหาม ราชยาน เป็นคนมีความรู้ดีและมีรูปงาม มิรู้เป็นถ้อยเป็นความ เป็นที่พึ่งแก่ญาติพี่น้อง จะกินที่ขุนนางท้าวพระยาแล
ถ้าเกิดคืนวันศุกร์ได้ยาม ๗ ผู้ที่เกิดมานั้น มักจะทำให้พ่อแม่เดือดร้อน จะจากที่อยู่อาศัย จะเอาป่าเป็นบ้าน แต่ต่อภายหน้าจึงจะดี จะสมบูรณ์ด้วยทรัพย์สินเงินทองมิรู้ถอยเลยแล
ถ้าเกิดคืนวันศุกร์ได้ยาม ๖ (ใกล้รุ่ง) ผู้ที่เกิดมานั้น เมื่อแรกเกิดมีอาการตกใจ และจะตกน้ำทีหนึ่ง หรือมิฉะนั้นจะตกต้นไม้ หรือจะตกจากบ้าน แต่ทว่ามีบุญ ถ้าเป็นหญิง จะได้เป็นคุณจอม ถ้าเป็นชาย จะได้เป็นขุนนางท้าวพระยาผู้ใหญ่ จะมีช้าง ม้า วัว ควาย เป็นอันมากแล
คนเกิดวันเสาร์
ผู้ที่เกิดวันเสาร์ได้ยาม ๑ ผู้เกิดมานั้นจะตายแต่น้อย ถ้ามิตายไซร้ จะมีอายุยืน พี่น้องมิได้อยู่ด้วยกัน พ่อแม่ตาย เมื่อเกิดมานั้น พ่อแม่ต้องถ้อยความ เกิดอุบาทว์หนูกัดผ้า แล
ผู้ที่เกิดวันเสาร์ได้ยาม ๒ ผู้เกิดมานั้น จะจากที่อยู่ที่กิน ต้องถ้อยความ เสียเงินเสียทอง ต้องขื่อคา และมักเป็นทุกข์ เดือดเนื้อร้อนใจ ครั้นใหญ่มาจึงจะดี เมื่อภายแก่จะได้เป็นดี แม่นั้นเป็นทุกข์ด้วยพ่อ พ่อนั้นทำวนด้วยหน่อยหนึ่ง เมื่อเกิดมามีเหตุอุบาทว์ในเรือน เป็นเหตุมาแต่นั้น พ่อแม่ทุ่มเถียงกัน จะจากกันเพราะเหตุนั้น ผู้นั้นเลี้ยงยาก และจะมีไข้เจ็บนัก แล
ผู้ที่เกิดวันเสาร์ได้ยาม ๓ ผู้เกิดมานั้น มีคนรักทุกแห่งหน แม่นั้นพอประมาณ แต่พ่อนั้นดี เกิดมาใจแข็ง และมิเคยอยู่ด้วยแม่ แม่นั้นอยู่ด้วยมิได้ มิสมาคมด้วยพี่น้องญาติกาทั้งหลาย ว่าไปเมื่อหน้ามิมีประโยชน์ ครั้นใหญ่มามิได้อยู่ด้วยแม่ เพราะเหตุว่าอาภัพแม่กว่าคนทั้งหลาย แล
ผู้ที่เกิดวันเสาร์ได้ยาม ๔ ผู้เกิดมานั้น พ่อแม่แช่งชัก พ่อแม่ได้รับความเดือดร้อนใจ จะจากที่อยู่ที่กิน และจะต้องเสียเพราะความ เสียเงินเสียทอง พ่อแม่จะตีด่ากัน เมื่อน้อยเป็นคนทุรพาลกว่าคนทั้งหลาย ครั้นใหญ่มาจึงค่อยยังชั่ว พ่อแม่จะอัปลักษณ์ แต่มิเป็นไร แม่นั้นเป็นทุกข์ด้วยพอ อนึ่งเมื่อเกิดมานั้น ว่าเกิดอุบาทว์ในเรือน เกิดภัยต่าง ๆ จึงเป็นมแต่นั้น แล พ่อแม่ทุ่มเถียงกันแต่นั้นแล จึงพลัดพรากจากกันแต่นั้นมา ผู้เกิดมานั้นมักเลี้ยงยาก และมักเจ็บไข้ แล
ผู้ที่เกิดวันเสาร์ได้ยาม ๕ ผู้เกิดมานั้นใจแข็ง ใจคอกล้าหาญ มิได้ฟังคำสั่งสอน เป็นคนพาล มิได้ฟังคำคนว่า เมื่อเกิดมารกพันคอออกมา มีลักษณะข้างขวา เงินทองก็น้อย ความรู้น้อยพอประมาณ เข้าในระหว่างคนร้าย เป็นคนชอบทางนักเลงเล่นเบี้ย เล่นไก่ กล้าหาญ หาประโยชน์มิได้ แล
ผู้ที่เกิดวันเสาร์ได้ยาม ๖ ผู้เกิดมานั้น มิได้อยู่กับพ่อแม่ มิดังนั้นจะตายแต่น้อย พ่อแม่เป็นคนทุพลภาพกว่าคนทั้งหลาย เพราะตัวเป็นคนชั่ว ท่านว่าชาตาเราไม่ดี แล้วแช่งชัก แม่นั้นเป็นคนกันดาร และว่าภายหน้าแก่จึงจะดี บ่ ห่อนรู้ยากจนเลย แล
ผู้ที่เกิดวันเสาร์ได้ยาม ๗ ผู้เกิดมานั้นมีรกพันคอออกมา จะตายแต่น้อย พ่อแม่เลี้ยงยาก มีโรคาพยาธิมาก จะจากที่อยู่ อนึ่ง เมื่อเกิดมานั้น มีอุบาทว์ในเรือนคือเรือนหักทับกันตาย พ่อแม่ทุ่มเถียงกัน ผู้เกิดมานั้นรกพันคอมาแต่ในท้องแม่ ถ้ามิฉะนั้น จะง่อยเปลี้ยเสียขา เสียตา เสียตีน พิการขาซ้าย แต่ว่าใจแข็ง มีฟังคำสอน มักคบชู้ และเป็นชู้กับเมียท่าน แล
ถ้าเกิดวันเสาร์ได้ยาม ๗ (ใกล้ค่ำ) ผู้ที่เกิดมานั้น มักจะตายแต่น้อย พ่อแม่เลี้ยงไม่ได้ ชาตาแข็ง เมื่ออายุได้ ๗ ปี จวนจะตายครั้งหนึ่ง เพราะมีพยาธิโรคาติดมาแต่ในท้อง ต่อไปภายหน้าจึงจะดี เป็นผู้กล้าหาญกว่าคนทั้งหลาย และเข้าในระหว่างคนร้าย ใจแข็ง และมิฟังคำสอน แต่ว่าภายแก่จึงจะดี บ่ห่อนจะรู้ยากจนเลยแล
ทายยามตกฟากกลางคืน
คนเกิดวันอาทิตย์
สิทธิการิยะ ถ้าผู้ใดเกิดคืนวันอาทิตย์ได้ยาม ๑ ผู้ที่เกิดมานั้น เมื่อเกิดมามักมิได้อยู่กับบิดามารดา มักจะมีท่านผู้อื่นเอาไปเลี้ยง เป็นผู้มีปัญญา มีความรู้ เฉลียวฉลาดดี แต่มักจะมีศัตรูเบียดเบียน มีบุตรเลี้ยงยาก ถ้าให้ท่านผู้อื่นก่อนจึงจะดี จะมีตบะเดชะไปภายหน้าแล
ถ้าเกิดคืนวันอาทิตย์ได้ยาม ๒ ผู้ที่เกิดมานั้น มักมิได้อยู่ในที่เกิด เป็นคนเลี้ยงยาก เมื่อแรกเกิดมานั้น ข้าวของเงินทองหาย บิดามารดาจะเกิดถ้อยความ ต้องขื่อคาโซ่ตรวน เพราะถูกเขาใส่ความ เมื่อแรกเกิดนั้น อาภัพไร้ญาติ หาที่พึ่งมิได้แล
ถ้าเกิดคืนวันอาทิตย์ได้ยาม ๓ ผู้ที่เกิดมานั้น มักจะเป็นโจรง มักจะมีถ้อยความถึงตัวอยู่เสมอ และมักจะพาให้พี่น้องเดือดร้อนลำบาก ต้องขื่อคาโซ่ตรวน และเกิดพยาธิโรคา เป็นคนคอยเบียดเบียนพี่น้องญาติกา เป็นคนที่เข้ากับพี่น้องไม่ได้ เมื่อเติบใหญ่จะถูกท้าวพระยาทำโทษ แต่ว่าจะได้เป็นนายคน และจะตกยากเพราะบ่าว จะเป็นใหญ่แก่คนทั้งปวงแล
ถ้าเกิดคืนวันอาทิตย์ได้ยาม ๔ ผู้ที่เกิดมานั้น เป็นคนขี้ขลาด และเป็นคนมีใจอาฆาตพยาบาทไม่รู้หาย พูดจาเอาถ้อยคำมิได้ มักจะคบเพื่อนที่เป็นโจรผู้ร้าย และมักจะหาความเดือดร้อนให้แก่บิดามารดา ต้องเสียทรัพย์สินเงินทองอยู่เนือง ๆ ถ้ามีคนขอเอาไปเลี้ยงจงเร่งให้ไปเถิดแล
ถ้าเกิดคืนวันอาทิตย์ได้ยาม ๕ ผู้ที่เกิดมานั้น มักจะรู้หลักนักปราชญ์ เป็นคนมีสติปัญญา แม้จะไปอยู่สถานที่ใด ๆ ก็ดี จะได้เป็นใหญ่ เมื่อเกิดมานั้นรกพันคอ มักจะมีไฝหรือปานในร่มผ้า เป็นที่ชื่นชมแก่ญาติมิตรสหาย เป็นคนมีน้ำใจเอื้ออารีย์ดี ต่อไปภายหน้าจะมียศศักดิ์ และจะมีคนรักมากแล
ถ้าเกิดคืนวันอาทิตย์ได้ยาม ๖ ผู้ที่เกิดมานั้น เป็นผู้มีมิตรสหายมาก เมื่อน้อยตกน้ำทีหนึ่ง หรือมิฉะนั้น ก็ตกต้นไม้ เป็นคนมีปัญญาดี เมื่อเกิดมานั้นจะได้แก้วแหวนเงินทอง และพัสดุต่าง ๆ อนึ่งเมื่อแรกเกิด มักจะมีเหตุทุ่มเถียงกัน ครั้นเมื่อเกิดมาแล้วจะมีข้าวของเป็นอันมากแล
ถ้าเกิดคืนวันอาทิตย์ได้ยาม ๗ ผู้ที่เกิดมานั้น เป็นคนมีพี่น้องก็เหมือนไม่มี เมื่อแรกเกิดนั้นรกพันคอ เป็นคนใจแข็ง บิดามารดาไม่ได้เลี้ยง เมื่อเกิดมาได้ ๓ วัน ๗ วัน พ่อแม่จะหย่ากัน เมื่อเกิดมานั้น พ่อแม่อาภัพ และจะเกิดภัยพิบัติต่าง ๆ ในเรือน เมื่อเกิดมานั้นเรือนจะหัก หลังคาไฟไหม้ แม่นั้นตกใจแทบตายแล
ถ้าเกิดคืนวันอาทิตย์ได้ยาม ๑ (ใกล้รุ่ง) ผู้เกิดมานั้น มักจะมิได้อยู่ในที่ ๆ เกิด จะเป็นคนมีความรู้ มีสติปัญญา รู้หลักนักปราชญ์ รอบรู้ในการช่างเป็นอันดี มักจะเป็นคนเจ้าทุกข์ ศัตรูมักจะเบียดเบียน อนึ่ง มีไฝปาน ประกอบด้วยความรู้ จะมีตบะเดชะ และจะเป็นใหญ่กว่าคนทั้งหลายทั้งปวงแล
คนเกิดวันจันทร์
ถ้าเกิดคืนวันจันทร์ได้ยาม ๑ ผู้ที่เกิดมานั้น จะตายแต่น้อย หรือมิฉะนั้นจะเลี้ยงยาก ต้องให้ท่านผู้อื่นเอาไปเลี้ยงจึงจะดี แต่ว่าอาภัพ เป็นคนทุรพล หาข้าวของเงินทองและอาหารเลี้ยงตัวยากนัก และเป็นคนที่เข้าสมาคมกับใครมิใครจะได้ พ่อแม่พี่น้องเป็นคนทรลักษณ์ ใจกล้าใจแข็ง เป็นคนไม่ฟังคำสั่งสอน มิเอาถ้อยคำของปู่ย่าตายาย เป็นคนเชื่อใจของตน แต่เจรจาดี มีปัญญา นานไปจะมีความรู้ ๖ ประการ และจะครองใจได้แล
ถ้าเกิดคืนวันจันทร์ได้ยาม ๒ ผู้ที่เกิดมานั้น ย่อมระเหเร่ร่อน จะได้รับความลำบากเมื่อน้อย ครั้นต่อไปภายหน้าจะได้ที่อยู่ที่กินเป็นอันดี ถ้าจากที่อยู่อาศัยเดิม ไปอยู่ที่อื่นจะได้ดี จะมีทรัพย์สมบัติสมบูรณ์ ต่อไปเมื่อแก่จะได้เป็นที่พึ่งแก่พี่น้องญาติกาทั้งหลาย เป็นคนใจโกรธง่ายหายเร็ว เป็นคนรู้ถ้อยรู้ความ เป็นที่ชอบใจแก่ขุนนางท้าวพระยาเป็นอันมาก และคนทั้งหลายมักจะยกย่องนับถือแล
ถ้าเกิดคืนวันจันทร์ได้ยาม ๓ ผู้ที่เกิดมานั้น อาภัพ และมีผู้ทำให้ตายแต่น้อย เป็นคนมีผู้เบียดเบียนอยู่เสมอ เมื่ออายุได้เจ็ดขวบ มีคนขอเอาไปเลี้ยงแล้วจากกัน แต่จะกลับมาอยู่ที่เก่าของตนอีก จะได้ทรัพย์สินเงินทองของผู้เลี้ยงนั้นแล
ถ้าเกิดคืนวันจันทร์ได้ยาม ๔ ผู้ที่เกิดมานั้น เมื่อเกิดมาพ่อแม่พี่น้องตาย เป็นคนกำพร้า แต่จะมีบุญและรู้หลักนักปราชญ์ จะได้ทรัพย์สินเงินทองผู้เฒ่าผู้แก่แล
ถ้าเกิดคืนวันจันทร์ได้ยาม ๕ ผู้ที่เกิดมานั้น ท่านว่ามีผู้อื่นผูกข้อมือให้แต่อยู่ในท้อง ครั้นคลอดมาแล้วท่านจะเอาไปเลี้ยงเป็นลูก จะได้ทรัพย์สมบัติเป็นอันมาก จะมีช้างม้า ข้าคน ขุนนาง ท้าวพระยาจะให้รางวัล จะเป็นที่พึ่งของพ่อแม่ แลท่านผู้นั้นเทพได้นิมนต์ให้ลงมาเกิดเป็นคนมีมารยาทดีแล
ถ้าเกิดคืนวันจันทร์ได้ยาม ๖ ผู้ที่เกิดมานั้น เมื่อน้อยเป็นไข้เกือบตาย เป็นคนมีชาตาแข็ง บิดามารดามิได้เลี้ยง ให้ท่านผู้อื่นเลี้ยงจึงจะดี เป็นคนอยู่กับพี่น้องมิได้ มักจะทะเลาะวิวาทฆ่าฟันกัน แต่ว่าเป็นคนมีดีอยู่ในตัว ผู้นั้นมักจะมีความรู้ดีแล
ถ้าเกิดคืนวันจันทร์ได้ยาม ๗ ผู้ที่เกิดมานั้น จะได้รับความลำบากยิ่งนัก เมื่อเกิดมานั้นเป็นคนอาภัพมาก ครั้นโตขึ้นมาจึงจะดี เพราะได้ของผู้เฒ่าผู้แก่ จะมีทรัพย์สินเงินทองข้าวของเป็นอันมากแล
ถ้าเกิดคืนวันจันทร์ได้ยาม ๒ (ใกล้รุ่ง) ทายเหมือนกับวันจันทร์ยามเช้านั้นแล
คนเกิดวันอังคาร
ถ้าเกิดคืนวันอังคารได้ยาม ๑ ผู้ที่เกิดมานั้น จะมีข้าทาสหญิงชาย ทรัพย์สินเงินทองข้าวของเป็นอันมาก พี่น้องจะได้พึ่ง และจะได้เป็นใหญ่กว่าญาติกาทั้งหลาย เป็นคนมีความรู้กิจการทุกอย่าง ชาตาผู้นั้นจะมิรู้ยากจนแล
ถ้าเกิดคืนวันอังคารได้ยาม ๒ ผู้ที่เกิดมานั้น ใจแข็งนัก จะทำร้ายแก่พ่อแม่ และจะหาถ้อยความให้แก่พ่อแม่ เป็นคนชอบกินเหล้า เล่นการพนัน พ่อแม่สั่งสอนมิเชื่อถ้อยคำ เป็นคนมิได้อยู่ด้วยกับพ่อแม่ มากชู้หลายเมีย และเป็นคนหน้าด้านไม่มีอาย เป็นคนถือตัวว่ารู้ดีแต่ผู้เดียว ครั้นมีคนมาขัดคอ มักจะโต้เถียงไปตามใจของตัวแล
ถ้าเกิดคืนวันอังคารได้ยาม ๓ ผู้ที่เกิดมานั้น เป็นคนฉลาด แต่ว่ามักขี้ขลาด เป็นคนโอบอ้อมอารีย์พี่น้องทั้งหลายจะได้พึ่ง แต่ว่าญาติพี่น้องข้างพ่อมิได้เอาใจใส่ แต่เป็นคนมีความคิดดี มิได้ตกยาก จะมียศศักดิ์สูงแล
ถ้าเกิดคืนวันอังคารได้ยาม ๔ ผู้ที่เกิดมานั้น มักจะทำให้พ่อแม่เดือดร้อนใจอยู่เสมอ จะเกิดเป็นถ้อยความอยู่เนือง ๆ ถ้าจากที่เกิดไป ภายหน้าจึงจะดี เมื่อเกิดมานั้นอาภัพกว่าคนทั้งหลายแล
ถ้าเกิดคืนวันอังคารได้ยาม ๕ ผู้ที่เกิดมานั้น บิดาตายแต่น้อย เป็นคนกำพร้าบิดา และมีผู้เอาไปเลี้ยง เป็นคนใจแข็ง ชอบกินเหล้าเมามาย จะทำลายแก่พ่อแม่ คนอื่นสอนมิค่อยจะเชื่อถ้อยฟังคำ เป็นนักเลงตั้งแต่น้อย ถ้าเป็นข้า ชอบทำการอาสาขุนนางท้าวพระยาจะได้ความชอบ และไปเบื้องหน้าจะมียศศักดิ์ จะได้ดีกว่าคนทั้งหลายแล
ถ้าเกิดคืนวันอังคารได้ยาม ๖ ผู้ที่เกิดมานั้น จะมีทรัพย์สิน ข้าวของเงินทองเป็นอันดี ทั้งมีใจโอบอ้อมอารีย์ มีความรู้ดี แต่ว่าเป็นคนเจ้าทุกข์อยู่เสมอ อนึ่งมิได้อยู่ด้วยพ่อ และมิชอบด้วยพ่อ นานไปจะเป็นศัตรูแก่กัน ต่อไปภายหน้าจะได้ดี แต่ว่าปากนั้นคมประดุจหอกดาบ จะมีฤทธามาก และจะสมบูรณ์เป็นอันดี
ถ้าเกิดคืนวันอังคารได้ยาม ๗ ผู้ที่เกิดมานั้น ย่อมจะผลาญทรัพย์สมบัติของพ่อแม่ให้ฉิบหาย ไม่ค่อยจะเชื่อถ้อยคำของพ่อแม่ มักจะเป็นนักเลงการพนัน พ่อแม่มักจะเลี้ยงมิได้ เป็นคนชาตาแข็ง บังเกิดมิสมควรแก่พ่อแม่ เมื่อเกิดมาพ่อแม่มักมีเหตุการณ์ต่าง ๆ แล
ถ้าเกิดคืนวันอังคารได้ยาม ๓ (ใกลรุ่ง) ผู้ที่เกิดมานั้น มีความกล้าหาญกว่าคนทั้งหลายทั้งปวง จะมีบริวารข้าทาสหญิงชาย ผ้าผ่อนแพรพรรณ แก้วแหวนเงินทองเป็นอันมาก และจะได้ทรัพย์จากปู่ย่าตายาย และจะได้เป็นใหญ่กว่าพี่น้อง และมิตรสหายทั้งหลายแล
คนเกิดวันพุธ
ถ้าเกิดคืนวันพุธได้ยาม ๑ ผู้ที่เกิดมานั้น จะตายเมื่อคลอดทีหนึ่ง ถ้ามิตาย เป็นหญิงจะได้เป็นเมียมนตรี ถ้าเป็นชายจะได้เป็นขุนนางท้าวพระยาผู้ใหญ่ และจะประกอบไปด้วยทรัพย์สมบัติมาก มีช้างม้าวัวควาย ข้าทาส ยวดยาน คานหาม มิได้ลำบากเลย เป็นผู้มีความรู้ดีนักแล
ถ้าเกิดคืนวันพุธได้ยาม ๒ ผู้ที่เกิดมานั้น จะมีบริวาร ช้าง ม้า วัว ควาย เป็นอันมาก และจะมีทรัพย์สินเงินทองเป็นอันมาก จะเป็นคนมีความรู้ รู้หลักนักปราชญ์ และย่อมจะได้สิ่งที่คิดสมควรปรารถนาแล
ถ้าเกิดคืนวันพุธได้ยาม ๓ ผู้ที่เกิดมานั้น ท่านว่าพ่อแม่จะตายแต่แรกเกิด หรือมิฉะนั้น พ่อแม่จะต้องหย่าร้างจากกัน ที่เกิดนั้นติดอยู่กับป่า หรือป่าช้า จะมีภัยต่าง ๆ จะได้รับความยากลำบากแต่เมื่อแรกเกิด ครั้นเติบใหญ่จึงจะได้ดีแล
ถ้าเกิดคืนวันพุธได้ยาม ๔ ผู้ที่เกิดมานั้น รู้จักศิลปะ รู้จักธรรมะ จะได้เป็นครูแก่ท่านทั้งหลายทั้งปวง และท่านผู้นั้นเป็นผู้ซึ่งมีบุญมาเกิด เป็นผู้รู้หลักนักปราชญ์ เป็นผู้รู้วิชาการช่างทุกประการ พ่อแม่จะได้พึ่งแล
ถ้าเกิดคืนวันพุธได้ยาม ๕ ผู้ที่เกิดมานั้น มีรูปร่างทรลักษณ์ข้างซ้าย มิได้อยู่กับพ่อแม่ เป็นคนชาตาแข็ง พ่อแม่เลี้ยงมิได้ ถ้าพ่อแม่เลี้ยง จะย่อยยับฉิบหาย และพ่อแม่จะเกิดถ้อยความ จะเกิดไฟไหม้บ้านเรือน ที่อยู่อาศัย โจรผู้ร้ายจะลักของ และเมื่อน้อยจะได้ความยาก ครั้นเติบใหญ่จะได้ดี เมื่อแก่จะมีผู้ปองร้ายแล
ถ้าเกิดคืนวันพุธได้ยาม ๖ ผู้ที่เกิดมานั้น จะมีผู้ขอเอาไปเลี้ยง และจะได้ทรัพย์สมบัติ เป็นคนมีตบะเดชะดี และจะได้ของฝากจากคนต่างเมืองอันพึงใจ ผู้ที่เกิดมาในยามนี้ มีรูปโฉมอันดี และเป็นคนมีมารยาทดี รู้หลักการช่างทุกประการ เป็นคนอุดม จะมิรู้ขาดอาหารเลยแล
ถ้าเกิดคืนวันพุธได้ยาม ๗ ผู้ที่เกิดมานั้น ชาตาแข็ง จะตายแต่เมื่อแรกเกิด ถ้ามิตายก็ต้องพลัดพรากจากบิดามารดา จะได้รับความเดือดร้อนด้วยถ้อยความต่าง ๆ และจะถูกท่านจองจำด้วยขื่อคาโซ่ตรวน เมื่อแรกเกิดมานั้น รกพันคอออกมา และมีไฝปานข้างซ้าย เป็นคนมีใจแข็งกว่าคนทั้งหลายทั้งปวง
ถ้าเกิดคืนวันพุธได้ยาม ๔ (ใกล้รุ่ง) ผู้ที่เกิดมานั้น ทำให้พ่อแม่เสียทรัพย์สินเงินทองข้าวของ พ่อแม่เกือบตายทีหนึ่ง ผู้ที่เกิดมานั้นเกือบจะตายทีหนึ่ง แต่เมื่อแรกเกิด แต่จะมีบุญเมื่อแก่ และรู้หลักนักปราชญ์ จะเป็นครูแก่ท่านทั้งปวง คนทั้งหลายจะได้พึ่งต่อไปในภายหน้าแล
คนเกิดวันพฤหัสบดี
ถ้าเกิดคืนวันพฤหัสบดีได้ยาม ๑ ผู้ที่เกิดมานั้น จะมีตบะเดชะ มีความรู้ทุกประการ จะทำการงานสิ่งใด ๆ ก็ดี ย่อมเป็นที่ต้องใจของคนทั้งหลาย ถ้าเป็นหญิง จะได้เป็นคุณจอม คุณท้าว ถ้าเป็นชาย จะได้เป็นคุณหลวง คุณพระ ถ้ามิฉะนั้น จะได้เป็นมหาเศรษฐี พ่อแม่ญาติพี่น้องทั้งหลายจะได้พึ่ง จะได้เป็นเจ้าคนนายคน เป็นคนมีฐานะมั่นคง และท่านผู้นี้จะมิรู้ถอยจากทรัพย์สมบัติแล
ถ้าเกิดคืนวันพฤหัสบดีได้ยาม ๒ ผู้ที่เกิดมานั้น เป็นคนอาภัพ จะพบแต่ความยากลำบาก ท่านว่าจะต้องพลัดพรากจากที่อยู่ที่กิน ๒ คราว ๓ คราว แล้วจะกลับคืนมาอยู่ที่เดิม จะมีทรัพย์น้อย แต่เป็นคนกินง่าย นอนยาก ขี้คร้านการงานใด ๆ ก็มิค่อยจะทำ ต้องให้ท่านจิกหัวใช้อยู่เรื่อย ครั้นปู่ย่าตายายพ่อแม่พี่น้องว่ากล่าวก็โกรธ ตามใจตัวเองมาก จะเป็นคนที่คบไม่ได้เพราะจะคิดนอกใจผู้อื่นอยู่เสมอแล
ถ้าเกิดคืนวันพฤหัสบดีได้ยาม ๒ ผู้ที่เกิดมานั้น มิได้อยู่ในที่เกิด จะต้องจากไปอยู่ต่างแดน มีทรัพย์น้อย มีปัญญาน้อย แต่เป็นคนมีใจแกล้วกล้า มิค่อยจะฟังคำสั่งสอนของผู้อื่น ทำสิ่งใดตามลำพังใจตัวเอง ทำให้ผู้อื่นเสียคน เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เมื่อทำไปแล้วจึงรู้ผิดรู้ชอบแล
ถ้าเกิดคืนวันพฤหัสบดีได้ยาม ๓ ผู้ที่เกิดมานั้น จะได้ปกครองแทนบิดามารดา จะได้เป็นใหญ่กว่าคนทั้งปวง เป็นคนมีปัญญา จะมีข้าวของเงินทอง ข้าทาสชายหญิง ช้างม้า วัวควาย จะได้เป็นเศรษฐี จะได้ทรัพย์มรดกจากผู้เฒ่าผู้แก่ทั้งปวง ชาตาบุคคลผู้นี้ดีมาก จะมิรู้อับจนเลยแล
ถ้าเกิดคืนวันพฤหัสบดีได้ยาม ๕ ผู้ที่เกิดมานั้น อยู่ในตระกูลอันดี จะได้เป็นใหญ่กว่าคนทั้งปวง รู้หลักธรรม จะได้เป็นครูท่านทั้งหลาย ต่อไปจะมียศศักดิ์ ถ้าเป็นหญิงจะได้เป็นอัครมเหสี รูปงาม กิริยามารยาทดี มีพงษ์พันธุ์ดี มีไฝปานข้างขวา จะมีเงินทองข้าวของ วัวควาย ช้างม้า ข้าคน เป็นอันมาก และจะสมบูรณ์ไปด้วยอาหารมิรู้ขาดแล
ถ้าเกิดคืนวันพฤหัสบดีได้ยาม ๖ ผู้ที่เกิดมานั้น จะมีชาตาดี แต่ว่าท่านมิได้อยู่ด้วยบิดามารดา จะต้องไปต่างเมือง จะมีศัตรูคอยเบียดเบียนอยู่เสมอ แต่ว่าถ้าผู้ใดเบียดเบียน ผู้นั้นก็จะต้องฉิบหายวายวอดตายไปเอง ต่อเมื่อจากไปอยู่เมืองไกลแล้ว ต่อไปภายหน้า ก็จะได้กลับมาอยู่ที่เดิมอีก และจะได้ครอบครองที่เดิมนั้นแล
ถ้าเกิดคืนวันพฤหัสบดีได้ยาม ๗ ผู้ที่เกิดมานั้น ใจคอห้าวหาญ ชอบการรบพุ่ง เป็นคนอาภัพแต่เมื่อแรงเกิด ครั้นเมื่อเติบใหญ่จึงจะได้ดี เป็นคนกล้าหาญกว่าคนทั้งหลายทั้งปวง ต่อไปภายหน้าพี่น้องจะได้พึ่ง เป็นคนมีความรู้มาก มีสติปัญญาดี เฉลียวฉลาด มีไหวพริบดีแล
ถ้าเกิดคืนวันพฤหัสบดีได้ยาม ๕ (ใกล้รุ่ง) ผู้ที่เกิดมานั้น จะมีชัยชนะแก่ข้าศึกศัตรู เป็นที่พึ่งพาอาศัยแก่คนทั้งปวง เป็นผู้รู้หลักนักปราชญ์ ใจคอกล้าหาญ มีข้าวของเงินทอง ช้างม้า วัวควาย เป็นอันมาก ญาติพี่น้องจะได้พึ่ง เมื่อน้อยจะมีผู้ขอเอาไปเลี้ยง ถ้ามิยอมให้แก่ท่าน เมื่อเติบใหญ่จะได้เป็นขุนนางท้าวพระยา จะมียศถาบรรดาศักดิ์ คนทั้งหลายจะยำเกรงอำนาจวาสนาแล
คนเกิดวันศุกร์
ถ้าเกิดคืนวันศุกร์ได้ยาม ๑ ผู้ที่เกิดมานั้น จะมีผู้นำเอาแก้วแหวนเงินทองมาให้ จะอุดมไปด้วยลาภสักการอย่างดี ๆ จะมีสุขบริบูรณ์ มิรู้ตกยากเลย อนึ่ง ต่อไปภายหน้า พ่อแม่จะเป็นทุกข์หนัก จะมีขุนนางเอาไปเลี้ยงไว้ พ่อแม่ก็จะได้พึ่งท่านผู้นั้นแล
ถ้าเกิดคืนวันศุกร์ได้ยาม ๒ ผู้ที่เกิดมานั้น จะพลัดพรากจากที่อยู่ที่กิน จะตกยากลำบากนัก ครั้นเมื่อเติบใหญ่ พ่อแม่จะเสียน้ำตา แต่ว่าผู้ใหญ่จะให้คุณ ต่อไปภายหน้าจะได้ดี จะมีข้าทาสช่วงใช้ จะมีคนคอยช่วยเหลือทั้งเงินข้าวของพัสดุต่าง ๆ แล
ถ้าเกิดคืนวันศุกร์ได้ยาม ๓ ผู้ที่เกิดมานั้น ต้องจากที่เกิดไปต่างเมืองไกลจึงจะดี จะมีคนช่วยทุกข์ และคิดอะไรจะได้ดังใจปรารถนาทุกประการ ผู้ที่เกิดมานั้นจะได้พึ่ง และต่อไปจะได้ดี จะทำการสิ่งใด ๆ ก็ดี ย่อมสำเร็จไปด้วยความคิด และทุกสิ่งทุกอย่างจะสมประสงค์ได้ด้วยความรู้ของตน แต่ว่าเป็นคนอาภัพนักแล
ถ้าเกิดคืนวันศุกร์ได้ยาม ๔ ผู้ที่เกิดมานั้น จะมีแก้วแหวนเงินทอง ช้างม้า ข้าคน จะมีคนนำเอามาให้จากเมืองไกล และจะได้ทรัพย์สินมรดกจากญาติผู้ใหญ่เป็นอันมากแล
ถ้าเกิดคืนวันศุกร์ได้ยาม ๕ ผู้ที่เกิดมานั้น จะได้รับความยากลำบาก เพราะมีโรคเบียดเบียนบีฑาแต่เมื่อน้อย แต่ว่ามีคนคอยช่วยเหลือ เมื่อน้อยมีผู้ขอเอาไปเลี้ยง ต่อไปภายหน้าจะมีเงินทองข้าวของ จะได้เป็นขุนนางท้าวพระยาแทนที่ผู้เฒ่าผู้แก่ จะมีความสุขบริบูรณ์กว่าคนทั้งหลายแล
ถ้าเกิดคืนวันศุกร์ได้ยาม ๖ ผู้ที่เกิดมานั้น เกิดมาในพงษ์พันธุ์ที่มีชื่อเสียง มีความสุขสบายกว่าคนทั้งหลาย จะมีทรัพย์สินเงินทอง ข้าทาสชายหญิงเป็นอันมาก จะได้ขึ้นคานหาม ราชยาน เป็นคนมีความรู้ดีและมีรูปงาม มิรู้เป็นถ้อยเป็นความ เป็นที่พึ่งแก่ญาติพี่น้อง จะกินที่ขุนนางท้าวพระยาแล
ถ้าเกิดคืนวันศุกร์ได้ยาม ๗ ผู้ที่เกิดมานั้น มักจะทำให้พ่อแม่เดือดร้อน จะจากที่อยู่อาศัย จะเอาป่าเป็นบ้าน แต่ต่อภายหน้าจึงจะดี จะสมบูรณ์ด้วยทรัพย์สินเงินทองมิรู้ถอยเลยแล
ถ้าเกิดคืนวันศุกร์ได้ยาม ๖ (ใกล้รุ่ง) ผู้ที่เกิดมานั้น เมื่อแรกเกิดมีอาการตกใจ และจะตกน้ำทีหนึ่ง หรือมิฉะนั้นจะตกต้นไม้ หรือจะตกจากบ้าน แต่ทว่ามีบุญ ถ้าเป็นหญิง จะได้เป็นคุณจอม ถ้าเป็นชาย จะได้เป็นขุนนางท้าวพระยาผู้ใหญ่ จะมีช้าง ม้า วัว ควาย เป็นอันมากแล
คนเกิดวันเสาร์
ถ้าเกิดคืนวันเสาร์ได้ยาม ๑ ผู้ที่เกิดมานั้น จะตายแต่ยังน้อย ถ้ามิตาย จะมีอายุยืน มีพี่น้องจะมิได้อยู่ร่วมกัน แม่จะตายแต่เมื่อแรกเกิด หรือมิฉะนั้น พ่อแม่จะต้องถ้อยความแล
ถ้าเกิดคืนวันเสาร์ได้ยาม ๒ ผู้ที่เกิดมานั้น จะจากที่อยู่ที่กิน จะเสียทรัพย์สินเงินทอง และข้าวของเป็นอันมาก จะเดือดเนื้อร้อนใจ จะมีทุกข์เพราะต้องขื่อคา ครั้นภายแก่จึงจะดี เมื่อน้อยเลี้ยงยาก มักจะเจ็บไข้อยู่เสมอแล
ถ้าเกิดคืนวันเสาร์ได้ยาม ๓ ผู้ที่เกิดมานั้น จะมีคนรักใคร่เอ็นดู จะไปสถานที่ใด ๆ ก็ดี ย่อมเป็นที่ยินดีต้อนรับแก่คนทั้งหลาย มารดานั้นพอประมาณ บิดานั้นก็ดี ผู้ที่เกิดมานั้นใจแข็ง และมิได้อยู่ด้วยพ่อแม่ ไม่สมัครอยู่ด้วยกับพี่กับน้องและญาติกาทั้งหลาย ครั้นเติบใหญ่มาก็มิได้อยู่ด้วยพ่อแม่ เพราะเหตุว่าอาภัพแม่กว่าคนทั้งหลายแล
ถ้าเกิดคืนวันเสาร์ได้ยาม ๔ ผู้ที่เกิดมานั้น พ่อแม่จะได้รับความเดือดร้อนใจอยู่เสมอ พ่อแม่มักแช่งด่า และจะต้องเสียเงินเสียทอง เพราะจะเป็นความ จะจากที่อยู่ที่อาศัย เป็นคนทรพลกว่าคนทั้งหลาย ครั้นเติบใหญ่มาจึงจะได้ดี แต่ว่าพ่อแม่จะอัปลักษณ์ แต่ว่ามิเป็นไร อนึ่ง เมื่อเกิดมานั้น เกิดอุบาทว์ในเรือน พ่อแม่เถียงกัน แต่นั้น จึงได้พลัดพรากจากกัน ผู้ที่เกิดมานั้นเลี้ยงยาก มักจะได้รับความเจ็บไข้อยู่เสมอ
ถ้าเกิดคืนวันเสาร์ได้ยาม ๕ ผู้ที่เกิดมานั้น มีใจคอกล้าแข็ง มิเชื่อฟังคำสั่งสอนของผู้อื่น เป็นคนพาล เมื่อเกิดมานั้นมีรกพันคอ เป็นคนมีทรัพย์น้อย มีความรู้น้อย เป็นคนชอบทางนักเลง ชอบเล่นการพนัน ใจกล้าหาญ เข้าอยู่ในระหว่างคนร้าย หาประโยชน์มิได้เลยแล
ถ้าเกิดคืนวันเสาร์ได้ยาม ๖ ผู้ที่เกิดมานั้น มิได้อยู่กับพ่อแม่ ถ้ามิฉะนั้นจะตายแต่น้อย พ่อแม่เป็นคนทุพลภาพ เป็นคนชาตาไม่ดี เข้าพี่เข้าน้องมิค่อยได้ เป็นคนมิฟังคำสั่งสอน จำทำการสิ่งใด ย่อมถือเอาแต่ใจตัวเองเป็นใหญ่ ถือดีแต่ตนเองแล
ถ้าเกิดคืนวันเสาร์ได้ยาม ๗ ผู้ที่เกิดมานั้น มีรกพันคอ เลี้ยงยาก มีโรคาพยาธิมากมาย จะจากที่อยู่อาศัย อนึ่ง เมื่อเกิดมานั้น เกิดอุบาทว์ในเรือน พ่อแม่เถียงกัน หรือมิฉะนั้น ผู้ที่เกิดมานั้น จะง่อยเปลี้ย เสียขา เสียตา เสียเท้า แต่ทว่าเป็นคนใจแข็ง มิเชื่อฟังคำผู้อื่น มักคบชู้สู่เมียท่านแล
ถ้าเกิดคืนวันเสาร์ได้ยาม ๗ (ใกล้รุ่ง) ผู้ที่เกิดมานั้น มักจะตายแต่น้อย พ่อแม่เลี้ยงมิได้ ชาตากล้าแข็งนัก เมื่ออายุได้ ๗ ขวบ เกือบจะตายครั้งหนึ่ง เพราะโรคาพยาธิติดมาแต่กำเนิด ต่อไปภายหน้าจึงจะได้ดี เป็นคนมิเชื่อฟังคำสั่งสอน แต่จะมิรู้ยากจนแล
สนใจเรียนโหราศาสตร์การตั้งชื่อมงคล
http://www.number9corp.com/c/16
บริษัท นัมเบอร์ 9 คอร์ปอเรชั่น จำกัด
ตั้งชื่อใหม่ , เปลี่ยนชื่อ , รับตั้งชื่อ , รับตั้งชื่อเด็กแรกเกิด , รับตั้งชื่อบริษัท , รับตั้งนามสกุล , รับตั้งชื่อมงคล , เปลี่ยนชื่อใหม่ , รับตั้งสกุล , ตั้งนามสกุลมงคล